This is Life : รักลบได้ แต่ไม่เคยลืม – Eternal Sunshine of the spotless mind

“คนสองคนรักกัน ไม่ใช่เกิดจากเพราะการมองเห็นอนาคตที่สดใส แต่เพราะทั้งคู่มองเห็นอดีตที่อยากให้หวนคืน”
– เฮเลน ฟิซเชอร์ นักมานุษยวิทยาผู้เขียนหนังสือ Why We Love

ก็เป็นเช่นเดียวกับสาวผมแสดคลีเมนท์ไทน์ (เคท วินสเลท) ผู้ที่เกิดความรู้สึกเซ็งขี้หน้าโจเอล (จิม แครี่) แฟนหนุ่มซะเต็มทน “เขาทำให้ฉันอารมณ์เสียเสมอ โดยเฉพาะรอยยิ้มแหย ๆ ของเขา”

แต่หากเธอได้มองทะลุเข้าไปสู่ประสบการณ์น่าเศร้าในวัยเด็กของโจเอล เธอก็คงจะเข้าใจเขาลึกซึ้งยิ่งกว่านี้ และเมื่อยิ่งรู้ว่าเขาเคยเป็นเด็กที่มักไม่ได้รับการแยแส จนเป็นเหมือนเด็กที่ถูกแม่ทิ้ง (Maternal deprivation – แม่ที่ไม่เอาใจใส่ลูก แม้ว่าไม่เคยอยู่ห่างไกล) คลีเมนท์ไทน์ก็คงไม่ต้องเสียเงินเสียทองให้กับดร.โฮเวิร์ด (ทอม วิคินสัน) ผู้เชี่ยวชาญด้านสแกนสมองเพื่อลบความทรงจำ

ในหนังเราจะพบความทรงจำผสานกับจินตนาการของโจเอลเมื่อเขาอยู่ในวัยราว 4 ขวบ (ยังอยู่ในวัยติดแม่) ในวันที่เขานั่งดิ้นเร่าเขย่าขาอยู่ใต้โต๊ะกินข้าว พร้อมร้องจ้าไม่หยุด “ หาแม่…หาแม่…หาแม่…จะหาแม่มมมมมมม…….” ในขณะที่คนเป็นแม่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาปฏิบัติภารกิจประจำวัน โดยไม่ใส่ใจลูกน้อยแม้แต่นิดเดียว หนูโจเอลจึงได้แต่ร้องไห้ไม่หยุด เสมือนเป็นการประท้วงที่แม่ไม่มาอุ้มมาโอ๋ และไม่สนใจเขาเลย

แม้จากนั้นจะยังร้องมาราธอนเท่าใด แม่ก็ยังง่วนกับกิจกรรมอื่น ๆ โดยไม่ตอบสนองทางอารมณ์ของลูก แถมยังปล่อยให้ลูกร้องไปกระทั่งอิดโรยและหมดแรง กระทั่งเด็กเกิดภาวะสิ้นหวัง (Despair) เสียงร้องไห้ลดลงเหลือแต่เสียงสะอื้นอย่างอ่อนเพลีย สีหน้าแววตาหมองเศร้า ความไว้วางใจแม่ อันเป็นความไว้วางใจขั้นพื้นฐาน (Basic trust) ถูกสั่นคลอน ในขณะที่แม่รู้สึกสบายใจขึ้นที่ลูกน้อยเงียบเสียง หล่อนจะได้ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

เหตุการณ์ข้างต้นหากเกิดขึ้นบ่อย หรือเกิดเป็นกิจวัตร เด็กน้อยคนนั้นจะกลายเป็นเด็กเก็บกด โดยเฉพาะความรู้สึก “รัก” ที่มีต่อ “แม่” (Basic Love)

วันเวลาผ่านไปหากไม่ได้รับการเยียวยา เขาจะพัฒนาความรู้สึกดังกล่าวกลายเป็นผู้ใหญ่ที่กลัวความผูกพันใกล้ชิด และไม่มั่นใจในการแสดงออกซึ่งความรัก ดังเช่นที่โจเอลแม้จะรักแสนรักคลีเมนท์ไทน์ แต่ก็มักจะกั๊กความรู้สึกอันงดงามนี้ไว้เสมอ ซึ่งเราจะพบได้ตั้งแต่แรกที่เริ่มรักกับเธอ

โจเอล “ชีวิตผมไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก เช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้าน ก็เลยไม่รู้จะเล่าอะไรให้คุณฟัง” เพราะบุคลิกที่ระแวดระวังจนเกินไป ขี้อายจนเกินเหตุ จึงนับวันแต่จะสร้างความอึดอัดคับข้องให้แก่สุดที่รัก เพราะโจเอลดูช่างยากเย็นที่จะแสดงความรักอย่างลึกซึ้งให้เธอรู้สึกได้ กระทั่งสาวจอมหุนหันพลันแล่นอย่างคลีเมนท์ไทน์สุดทน จึงเร่งรุดสู่คลีนิกเพื่อลบความทรงจำทีมี่ต่อนายโจเอลจอมบื้อซะให้สิ้นซาก

ทั้ง ๆ ที่ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาก็คือ รักเธอมากเหลือเกิน มากกระทั่งนำเธอไปสู่ความฝันอันล้ำลึกว่า เธอคือคนรักที่พึ่งพิงได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัย ทั้งในวัยเด็กที่คลีเมนท์ไทน์คือคุณนายแฮริชนางในจินตนาการของเด็กชายโจเอล เธอคือสาวสวยผู้เข้ามาปลอบโยนในยามที่เขาหิวโหยความรัก

ครั้นวัยแตกเปลี่ยวเธอก็ยังนอนแนบข้างเป็นเพื่อนให้เขาหายละอายใจ ในคืนที่คุณแม่ของโจเอลโผล่เข้ามา เมื่อเขากำลังช่วยตัวเองอย่างเมามันส์ (เด็กวัย 3-4 ขวบ มักสร้างเพื่อนสมมติขึ้นในจินตนาการ เพื่อช่วยคลายเหงา และเพื่อปลอบโยนตนเอง การปรากฏตัวของเพื่อนในจินตนาการ จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตของเด็กแน่ ตราบเท่าที่เขาเองยังรู้ตัวอยู่ว่า นี่เป็นเพียงเพื่อนสมมติเท่านั้น) แต่ด้วยยิ้มแหยๆ ท่าทีขวยเขินเกรงอกเกรงใจและระมัดระวังอยู่ตลอดเวลาของโจเอล กลับทำให้เธอคิดอยู่เสมอว่า ที่แท้แล้วเขา “รัก”เธอหรือไม่?

ยิ่งสาวคลีเมนท์ไทน์ผู้มีปมขาดความมั่นใจมาตั้งแต่วัยเด็ก กระทั่งนำชื่อของตุ๊กตาหน้าตาน่าเกลียดมาตั้งเป็นชื่อของตน เด็ก ๆ ที่มีความรู้สึกต่อตนเองในทางลบเช่นเดียวกับเธอนั้น โดยมากแล้วเกิดจาก ความฝังใจว่า ตัวเขานั้นไม่ใช่เป็นคนพิเศษของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งคาดว่า เธอก็คงรู้สึกว่าด้อยกว่าพี่ ๆ น้อง ๆ มาตั้งแต่วัยเยาว์ จึงพยายามชดเชยปมด้อยนั้น ด้วยการเป็นเด็กซน ซ่าส์ แสบ เพื่อเรียกร้องให้ผู้ใหญ่หันมาให้ความสนใจ และติดเป็นบุคลิกจนถึงวัยสาว เธอจึงขุ่นเคืองที่โจเอลไม่เคยแอคทีฟในการแสดงความรักเท่าที่เธอปรารถนา

เพราะสาวหุนหันอย่างเธอช่างไม่เข้าใจปรากฏการณ์ของความรักเลยว่า ความรักเปรียบเหมือนฤดูกาล เปรียบดังน้ำขึ้นน้ำลง ที่แม้ความรู้สึกรักยังไม่เปลี่ยน แต่ความเข้มข้นอ่อนแก่ในแต่ละช่วงเวลา ย่อมมีดีกรีไม่เท่ากัน จึงน่าเสียดายเป็นที่สุด หากใครคนหนึ่ง จะรีบตัดสินโดยทันทีว่า บัดนี้รักของเรา ถึงจุดจบซะแล้ว

ความรักเปรียบเหมือนการแล่นเรือใบ ที่คู่รักจะต้องช่วยกันประคับประคองให้ตลอดรอดฝั่ง เพราะเรือลำนี้จะต้องพบทั้งความรื่นรมย์ยามฟ้าแจ่มใส และพบพายุกระหน่ำยามทะเลแปรปรวน อันเป็นธรรมดาที่แม้จะรักกันมากเพียงใด ก็ต้องพบทั้งความหวั่นไหว-ความขัดแย้ง หรือการถูกละเลยด้วยภารกิจต่าง ๆ ฯลฯ

แต่การฝ่าด่านไปได้ในแต่ละครั้ง ย่อมหมายถึง ความรักที่ลึกซึ้งยิ่ง ๆ ขึ้น อันเหมือนเป็นรางวัลให้แก่คู่รักที่ยืนหยัดอย่างหนักแน่น กระทั่งผ่านการทดสอบได้อย่างน่าภาคภูมิใจ แต่ก็เพราะความร้อนรนบวกกับการขาดความมั่นใจในตนเองของคลีเมนท์ไทน์ ที่ทั้งกลัวทั้งระแวงว่า ความเป็นคนแสนดีอย่างโจเอลนั้น นับวันก็ยิ่งไม่ควรมาจับคู่กับผู้หญิงซำเหมาอย่างตนแม้แต่นิดเดียว

โจเอล “เดี๋ยวก่อน…หยุดอยู่ตรงนั้นสักเดี๋ยว …อย่าเพิ่งรีบไป”
คลีเมนท์ไทน์ “บอกคุณได้เลย ฉันไม่ใช่นางในฝัน ฉันเป็นแค่ผู้หญิงประสาทๆคนหนึ่ง”
โจเอล “แต่มันไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่ผมจะไม่ชอบคุณ”
คลีเมนท์ไทน์ “อีกหน่อยคุณก็เจอเหตุผลนั้น …แล้วคุณก็จะเริ่มอยากให้ฉันต้องเปลี่ยนอย่างนั้น..ต้องเปลี่ยนอย่างนี้…แล้วที่สุดฉันก็จะเบื่อคุณ”

เมื่อโจเอลล่วงรู้ว่าโดนสุดที่รัก ลบตนเองออกจากความทรงจำ เขาย่อมปวดร้าวแสนสาหัส และทิ้งตัวลงนอนให้หมอโฮเวิร์ดจัดการลบเธอให้สิ้นซากอย่างเจ็บแค้น

การลบความจำตามออเดอร์ ด้วยการสแกนสมองหาจุดเชื่อมโยง ระหว่างความทรงจำทั้งหมด และความทรงจำเฉพาะบุคคลที่ไม่อยากจดจำ อันเป็นวิทยาการที่ยังเป็นไปไม่ได้

ในขณะที่ในโลกปัจจุบัน หากความทรงจำเฉพาะบางเรื่องที่เลือนหายไปนั้น โดยมากเกิดจากปัญหาทางด้านจิตใจ (การได้รับกระทบกระเทือนทางสมอง,การได้รับพิษจากสารเคมี มักจะทำให้สูญเสียความจำทั้งหมด หรือหากเกิดจากฤทธิ์ของยาจิตประสาท ก็มักทำให้สูญเสียความจำเพียงชั่วคราว) การสูญเสียความจำ (Amnesia) ในทางจิตวิทยานั้น โดยมากเกิดจากการที่บุคคลนั้นพยายามเก็บกด (Regression) ในเรื่องที่ตนเองปวดร้าว หรือรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ให้ลงไปสู่จิตใต้สำนึก (Unconscious) อันเป็นการใช้กลไกทางจิต (Defense Mechanism)

ฉะนั้น มันจึงมิได้สูญสลาย แต่กลับตกตระกอนขุ่นคลั่กอยู่ภายใน แล้วก็มักผุดโผล่ขึ้นมาให้รู้สึกได้เสมอ เพราะอย่าลืมว่า ความอัศจรรย์ของสมองทำให้มันบรรจุข้อมูลได้ถึง 1 พันล้านชิ้น เมื่อมีการกระตุ้นที่เข้าเป้าไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ความทรงจำเดิมก็จะกลับคืนมาอีก

ดังเช่นโจเอล และคลีเมนท์มักจะพร่ำพูดประโยคเดิม ๆ มีปฏิกิริยา และมีความรู้สึกเดิม ๆ ทันทีที่มีเหตุการณ์เดิม ๆ แว่บเข้ามา

หากเทคโนโลยีในอนาคต สามารถลบเลือนคนบางคน เรื่องบางเรื่องออกจากความทรงจำได้ ก็คงจะมีปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่องอย่างเช่นในหนังเรื่องนี้ นั่นก็คือ เมื่อผู้ใช้บริการย้อนกลับไปสู่อดีต เขาก็ย่อมจะเสียดายวันเวลาที่สุขสันต์หรือหวานชื่น จนต้องรีบวิ่งหนีการลบล้างอย่างเอาเป็นเอาตาย เช่นเดียวกับโจเอล ซึ่งสร้างปัญหาให้ทั้งหมอและตนเอง

เพราะธรรมชาติของความทรงจำนั้นย่อมมีทั้งเรื่องงดงามและเจ็บปวด อยู่ที่ว่า เราให้น้ำหนักต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีตนั้นอย่างไร

– ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์ –