This is Life : เรียนรู้ความสัมพันธ์แบบมีวุฒิภาวะ (Little Children)

แม้ความรัก คือ ความผูกพันที่ลึกซึ้ง แต่หากคู่รักใดไม่รู้จักทะนุถนอม ไม่หมั่นรดน้ำพรวนดินต้นไม้แห่งความรัก ก็มีหวังเหี่ยวเฉาและแห้งตายเข้าสักวัน เช่นเดียวกันกับเหตุผลของคนที่ตัดสินใจครองคู่อยู่กินกัน นอกจากจะเพราะความรักแล้ว การได้หลุดพ้นจากความโดดเดี่ยวอ้างว้าง ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ปฏิเสธไม่ลง

 

ซาร่าห์ (เคท วินสเลท) คุณแม่ลูกหนึ่ง กับกลุ่มเพื่อนบ้านหญิง มักมานั่งเม้าทธ์กันเป็นกิจวัตร ณ สวนสาธารณะในหมู่บ้าน พร้อมๆกับชะเง้อรอการโผล่เข้ามา ของแบรด (แพทริค วิลสัน) พ่อบ้านสุดหล่อ ที่จูงลูกชายตัวน้อยเข้ามาวิ่งเล่นในสวนเป็นบางวัน

 

ในขณะที่เพื่อนๆล้วนชื่นชมชายรูปงามที่ดูแลลูกไม่แพ้คุณแม่ที่น่ารัก แต่ซาร่าห์กลับรู้สึกลึกซึ้งกว่านั้น “พ่อเทพบุตรประจำหมู่บ้าน เขาดูว้าเหว่…เหมือนอยากจะเปิดใจ”(ซาร่าห์นึกในใจ)

 

“ผมกำลังรอสอบทนายความ แต่ก็สอบตกมาแล้ว 2 ปีซ้อน”

“คุณคงไม่อยากเป็นทนาย” เพียงเท่านี้ ทั้งคู่ก็ “โดนใจ”กันในทันใด

 

ซาร่าห์ทึ่ง ที่แบรดกล้าพอที่จะยอมรับว่า เขาล้มเหลว (ผิดกับสามีที่เธอแสนชิงชัง)

ส่วนแบรดก็อึ้ง ที่เธอช่างเข้าใจและยอมรับความรู้สึกของเขา (ผิดกับภริยาที่เขาแสนจะหน่าย)

เมื่อเห็นแบรดคุกเข่าปลอบโยนลูก ซาร่าห์รู้สึกเศร้านักเมื่อคิดว่าสามีของเธอ ไม่มีวันทำตัวน่ารักกับลูกเช่นนี้แน่

 

“คุณเป็นผู้ชายที่น่าชื่นชม เป็นพ่อที่น่ารัก”

การเอ่ยชมจากใจอย่างแท้จริง เหมือนเป็นพลังชีวิตให้กับชายผู้หงอยเหงาอย่าง แบรด ที่พบแต่คำตำหนิและการไม่แยแสจากภรรยาผู้สวยเด่น อย่างที่ซาร่าห์ทาบไม่ติด แต่นั่นหาใช่สาระสำคัญแก่ชีวิต เท่ากับการมีใครสักคนเป็นเพื่อนผู้เข้าอกเข้าใจ ช่วยปลอบใจให้คลายทุกข์ 

 

“การได้รับความรักและการยอมรับ ทำให้รู้สึกตนเองยังมีค่า มิเช่นนั้นจะเกิดความคับข้องใจ และอ้างว้าง เกิดปัญหาในการปรับตัว ผิดปกติทางพฤติกรรม หรือเจ็บป่วยทางใจและกาย” – อับราฮัม มาสโลว์

 

ต่อมา เมื่อความสัมพันธ์ดำเนินไปไม่นาน “ซาร่าห์…เธอเหมือนเทพธิดา ที่ผมเคยอธิษฐานไว้” ความรู้สึกของแบรด ท่วมท้นหัวใจถึงขนาดนั้น!

 

“เป็นไงบ้างครับ วันหยุดของครอบครัว?”

“ห่วยแตกค่ะ… แล้วคุณล่ะ?”

“ก็…ย่ำแย่เหมือนกัน เราไปเที่ยวชายหาดกัน แต่สิ่งที่เราทำก็คือทะเลาะกันตลอดเวลา”

 

เพียงเท่านี้ก็พอจะเห็นแล้วว่า เหตุใดหญิงชายทั้งสองจึงดึงดูดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว และลักลอบเป็นชู้กันในเวลาต่อมา

 

แบรด-เทพบุตรในสายตาของสาว ๆ แต่เขาเองรู้สึกว่าตนเป็นแค่ “พี่เลี้ยงเด็ก” ในสายตาของภรรยา ผู้ให้ความสำคัญกับหน้าที่การงาน และพยายามใช้เวลาหลังเลิกงานเอาใจใส่แต่ลูกน้อยเท่านั้น

 

แม้แบรดจะดูอ่อนโยนนิ่มนวลเพียงใด เขาก็มีธรรมชาติของความต้องการเป็นฮีโร่ เป็นที่เชื่อมั่นและชื่นชมของคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนรัก แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็มีอีกด้าน เช่นเดียวกับหลายทุกคน ..ที่มักซุกซ่อนหัวใจของเด็กน้อย อยู่ในร่างที่บึกบึน “เด็กชายซนๆ” ที่กระหายความรักและรอการดูแลเอาใจใส่ ในนาทีนี้ แบรดจึงเหมือนคนแก่ที่ไร้ค่า สลับกับการเป็นเด็กน้อยที่ไม่มีใครใยดี

 

ในขณะเดียวกันซาร่าห์ก็มักจะปฏิเสธไม่ลงเช่นกันว่า ลึก ๆ แล้วความเป็น “เด็กหญิงตัวเล็กๆ” ของเธอ ก็ยังไม่เคยจางหายไปจากความรู้สึก 

 

เด็กหญิงตัวน้อย…ที่ขี้อาย ไม่กล้าเปิดใจตนเอง และหวั่นกลัวว่าจะมีใครมารังแก

เด็กหญิงตัวน้อย…ที่รอคอยความรัก และความเมตตาจากผู้ใหญ่ใจดี

 

ซาร่าห์…ที่วันนี้หน้าชื่นอกตรม ด้วยความเศร้าและเครียดสะสมจนเรื้อรัง เธอฝันอยากเป็นมาดามโบวารี วีรสตรีในดวงใจ  “เธอคือนักสิทธิสตรี การนอกใจของเธอคือทางเลือก คือวิถีทางของตนเอง” แต่ด้วยแนวคิดนี้ ย่อมไม่พ้นการโดนติฉินนินทา หรือโดนด่ากันตรง ๆ จากบรรดาแม่บ้านรายอื่น ๆ

 

แต่หากใครลองมาอยู่ในภาวะเช่นเธอบ้าง จะได้รู้ว่า…เธอรู้สึกอย่างไร? หากวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่ครอบครัวอื่น ๆ เขาพากันไปปิกนิก หรืออยู่ร่วมชายคาเดียวกันอย่างอบอุ่น แต่เธอกลับต้องกระเตงลูก เหมือนคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ในขณะที่คนเป็นสามีไม่หายหัวออกจากบ้าน ก็เอาแต่ขลุกอยู่บนห้องส่วนตัว เพื่อทำ Masturbation หน้าจอคอมพิวเตอร์!

 

นอกเหนือจากความชิงชังสามีที่มีมากขึ้นทุกวัน เธอยังบังเกิดความทุเรศทุรัง หลังจากที่แทบช๊อค เมื่อบังเอิญมาเห็นจะ ๆ ว่า สามีกระทำอัตกาม ในขณะที่นั่งเพ่งเว็บลามก แถมเพิ่มอรรถรสอย่างสุดขีด ด้วยการเอากางเกงในผู้หญิงมาแปะไว้ที่จมูก

 

ผัวเมียสองคู่นี้ จึงตกอยู่ในภาวะที่มีปัญหาการสื่อสารระหว่างกัน โดยเฉพาะการสื่อสารด้านอารมณ์ความรู้สึก ที่บกพร่องเพราะเชื่อมต่อกันไม่ติด

 

สาเหตุเป็นได้ทั้งที่เกิดจาก การที่ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมสื่อสารกัน (ขัดแย้งกันจนพูดไม่รู้เรื่อง เพราะมองคนละมุม แถมยังไม่ยอมประนีประนอมเข้าหากัน) จนสรุปกันเอาเองว่า หากไม่อยากทะเลาะกัน ก็ต่างคนต่างเก็บกดและหุบปากไว้ดีกว่า หรือ การที่ฝ่ายหนึ่งต้องการจะสื่อสาร แต่อีกฝ่ายพยายามหลบเลี่ยง เหตุเพราะมั่นใจว่า ขืนพูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับอยู่ดี แถมอาจแสดงกลับมาในเชิงลบ (ตำหนิ-ด่าว่า-กระแหนะกระแหน หรือ ดูหมิ่น)

 

แม้แต่บางครั้งก็สื่อสารอย่างกำกวม ไม่แน่ใจว่าต้องการอะไรกันแน่ อาจจะระแวงว่าจะถูกโจมตี จึงป้องกันตัวเองไว้ก่อนด้วยความคลุมเครือ

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ได้เปิดเผยว่าเหตุใด ผู้ที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก เช่น เคธี่และแบรด หรือ ซาร่าห์และสามี จึงตัดสินใจครองรักกัน เพื่อใช้ชีวิตคู่อย่างอึดอัดและขมขื่น

 

หรืออาจเป็นเพราะ “ความแตกต่างกันอย่างมาก” นี่เอง ที่กลายเป็นสิ่งดึงดูดใจ ให้ใครหลายคู่ ต่างโผเข้ามาหากัน เพื่อหวัง “เติมเต็ม” ในสิ่งที่ตนเอง “ขาด”

 

และอาจเป็นเพราะพวกเขาคงลืมไปว่า คนสองคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสงบสุขนั้น คือคู่ที่มีทัศนคติ-ค่านิยม-และความเชื่อที่ใกล้เคียงกัน 

 

แต่นั่นก็ยังไม่ดีเท่ากับ…ผลการวิจัยในวารสารจิตวิทยาสังคมและบุคลิกภาพของสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน ที่ทำการศึกษาแบบติดตามผลระยะยาว (5 เดือนขึ้นไป) ในคู่รัก 291 คู่ ที่มีผลสรุปออกมาว่า “คู่รักที่มีความสุขในชีวิตมากที่สุด คือ คู่ที่มีบุคลิกภาพแบบเดียวกัน หรือ คล้ายกันมากที่สุด”

 

– ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์ –