This is Life – ดื่มเพื่อลืมโลก? (Leaving Las Vegas)

 

เคยรู้สึกไหมว่า โลกถีบทิ้งคุณไว้ข้างหลัง

เคยรู้สึกไหมว่า คุณกำลังหลงทาง และหัวใจก็เจียนแหลกสลาย

 

“คุณได้แต่เหลียวมองรอบกาย เพียงหวังจะได้พบใครคนนั้น แต่ก็แกล้งทำเป็นว่า ‘ฉันไม่แคร์’ นั่นมันไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นหรอก เพราะคุณก็ยังดั้นด้นค้นหาคนคนนั้นอยู่ดี” – บทเพลง Angel  Eyes ในช่วงต้นของภาพยนตร์

 

ถ้อยคำรันทด คลอเคล้ากันเป็นบทเพลงเศร้าหม่นแห่งคนเหงา คนเหงาเดินโซเซเดียวดายท่ามกลางฝูงชน หัวใจแห้งผากของเขา โหยหิวความรัก 

 

Ben หนุ่มใหญ่ผู้ถูก “โลกถีบ” ทิ้งไว้ข้างหลัง ลูกเมียหนี เพื่อนฝูงหน่าย เจ้านายไล่ออก เหตุเพราะว่า….

ชีวิตของ Ben ยึดมั่นอยู่สิ่งเดียวเป็นสรณะคือ เหล้า

 

มนุษย์ Alcoholism เช่นเขา

ทำลายครอบครัว: “ผมจำไม่ได้แล้วว่าลูกเมียทิ้งเลยทำให้ผมติดเหล้า  หรือผมติดเหล้าเลยทำให้ลูกเมียทิ้ง”

 

ทำลายมิตรภาพ:  “น่า เพื่อน! ฉันจะใช้เงินคืนให้พรุ่งนี้เช้าเลย” “ไม่ต้อง ไม่ต้อง งวดนี้นายไม่ต้องคืน แล้วก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย ขอร้อง”

 

ทำลายอนาคต: “Ben ฟังนะ พวกเราชอบคุณ แต่ที่ผมต้องทำอย่างนี้ (ไล่ออกจากงาน) คุณก็คงเข้าใจดี”

 

ทำลายตัวเอง (Self – destructiveness):

สาวที่เจอในบาร์ “บางทีคุณน่าจะดื่มให้น้อยหน่อยนะ”

Ben “ ใช่ บางทีผมน่าจะตายไปเลยใช่มั้ย”

 

Sera “ฉันอยากรู้ทำไมคุณถึงเป็นไอ้ขี้เมา ที่คุณทำอยู่นี่เป็นการฆ่าตัวตายใช่ไหม”

Ben “ผมไม่รู้ จำไม่ได้ รู้แค่ว่า ผมอยากทำ ผมมาที่นี่ (Las Vegas) เพื่อมาดื่มให้ตาย ๆ ไปเลย”

 

อาการติดเหล้าเข้าขั้น “เรื้อรัง” (Chronic) มันทำให้เขาผุกร่อนลงทุกวัน ๆ

 

 

  1. พิษเหล้าไปกดประสาท (Depressant)  ทำให้สมองฝ่อฟีบลง ความจำเสื่อมถอย การทรงตัว การได้ยิน การเห็นบกพร่อง

 

  1. กล้ามเนื้อหัวใจบวมโต ใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้ใจสั่นเหนื่อยง่าย และเสี่ยงต่ออาการหัวใจวาย หลอดลม ตับ ไต กระเพาะอาหารเสื่อมทรุด เสี่ยงต่อการเกิดเป็นแผลทะลุแม้ กระทั่งมะเร็ง

 

  1. มีโอกาสเกิดอาการทางจิต ประสาทหลอน

 

  1. เมื่อถึงเวลา “หิวเหล้า” จะมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ หงุดหงิด มือสั่น ขาสั่น ลิ้นสั่น สั่นไปทั้งตัว บางครั้งก็มีอาการชัก

 

ก็รู้ทั้งรู้ว่า มันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตของ Ben เดินใกล้ “หลุมฝังศพ” มากขึ้นทุกวัน ๆ แล้วเหตุใดเขาจึงไม่หยุด? เหตุที่เขาหยุดไม่อยู่ ก็เพราะ

 

  1. ติดเหล้า = ติดนม เป็นไปได้ว่า เมื่อครั้ง Ben ยังเป็นทารกน้อย (0 – ก่อน 2 ขวบ)  อันเป็นวัยแห่งความเพลิดเพลินกับการดูดนม (Oral Zone) การดูดเป็นทั้งความอิ่มเอมสบายใจ เป็นทั้งความจำเป็นในการรักษาชีวิตให้อยู่รอดและเติบโต การโดนคุณแม่ (หรือคนเลี้ยง) หย่านมโดยเร็วเกินไป อาจทำให้หนูน้อยเกิดความเครียดในทันใด    เกิดความคับข้องใจ เกิดความกังวลกลัว (กลัวอาหารจะหายไป กลัวจะอดตาย) “ความรู้สึก” เหล่านี้จะฝังแฝงกลายเป็นพื้นฐานอารมณ์และบุคลิกของ Ben ในภายภาคหน้า (บวกเข้ากับปัญหาที่เกิดขึ้นในขั้นตอนพัฒนาการถัดมาเป็นตัวเสริม ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูที่เข้มงวดเคร่งครัด ปล่อยปละละเลย หรือทนุถนอมจนเกินไป) 

 

เมื่อเติบใหญ่ยามชีวิตต้องพบอุปสรรคใด (ซึ่งก็เป็นธรรมดาของทุกขีวิต) ก็มักจะเครียดและกังวล (Anxiety) เกินกว่าปกติจะรู้สึกเสมอว่า “หาทางออกไม่ได้” จึงมักจะถอยกลับ (Regression) ไปสู่วัยแบเบาะ วันชื่นคืนสุข เมื่อยังมีสุขจากการดูด และวันที่ถูกพรากจากความสุขนั้น  จนเกิดเป็นปมติดค้าง (Fixation) ตกอยู่ในจิตไร้สำนึก

 

  1. วงจรหายนะ ความรักความอบอุ่นที่ Ben ได้รับครั้งวัยเยาว์คงเป็นแบบ “น้ำพร่องแก้ว” จากการวิจัยทางจิตวิทยา  พบว่า “คนติดเหล้า” มักมีภูมิหลังที่คล้ายกัน คือเติบโตมาจากครอบครัวที่พลัดพราก แตกร้าว ความสัมพันธ์ภายในบ้าน เย็นชา ห่างเหิน ไม่เอื้อเฟื้อ ไม่อบอุ่น 

 

ในความรู้สึกของ Ben “เหล้า” ก็คือสัญญลักษณ์ (Symbolization) ของความอบอุ่น พึ่งพิงได้ ไว้ใจได้  (กรึ๊บ ๆ เมื่อใด ลืมทุกข์ลืมโศกได้เมื่อนั้น) แต่เมื่อดื่มเหล้าหนักเข้า เขาก็ต้องสูญเสียทุก ๆ อย่างในชีวิต ทำให้เกิดความเครียดและซึมเศร้า ยิ่งเศร้าก็ยิ่งดื่ม ยิ่งดื่มก็ยิ่งเสื่อมทรุด ยิ่งเห็นว่าตนเองนั้นต่ำต้อยด้อยค่า (Low​ Self-esteem)

 

เพื่อลืมความรู้สึกนั้น ก็ยิ่งต้องดื่มอีก หยุดไม่อยู่ รู้สึกหมดทางออก คิดอยากตายจะได้พ้นทุกข์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังกลัวตาย เกิดภาวะสองจิตสองใจ (Ambivalence) ก็เลยต้องแก้ปัญหาชีวิตด้วยการ…

 

จึงโยนตัวเองลงขวดเหล้า  ในวันที่ทนเศร้าไม่ได้

เกลือกตัวเองบนหยดน้ำตาแตกกระจาย

ตัวตนสูญหาย …ไม่อยากตาย …ไม่อยากเป็น

(จากหนังสือ “ผีเสื้อเต้นรำ” โดย ควันบุหรี่)   

 

  1. เป็นหนทางสู่ความตาย ด้วยจิตใจอันอ่อนแอสิ้นหวัง ใฝ่หาความทุกข์ทรมานใส่ตัวเองไม่หยุดหย่อน (ทั้งโดยรู้ตัว  และโดยไม่รู้ตัว) อยู่ในภาวะดูแลตัวเองแทบไม่ได้ เปลี่ยวเหงาและโหยหาที่พึ่งพิง (Over  Dependency) 

 

และแล้ว….นางฟ้าก็ก้าวเข้ามาสู่หัวใจอันโรยแรงของ  Ben

Ben “Sera…คุณเป็นใครกันแน่? เป็นนางฟ้าที่มาปลอบผมในฝันของคนเมาอย่างนั้นหรือ” 

“Sera คุณคือยาแก้พิษผสมเหล้า ดื่มแล้วทำให้หัวใจของผมเกิดความสมดุลย์”

 

เห็นใจเธอ เข้าใจเธอ โอบกอดเธอ รักเสมอไม่ขึ้งเครียด ไม่เหยียดหยาม ทุกโมงยาม รัก…รัก…รัก แต่เพียงเธอ นี่คือ  “ความรักแบบไร้เงื่อนไข” ที่ Ben แสวงหา

 

Ben “(ถ้าจะให้ผมอยู่กับคุณ) คุณไม่มีสิทธิห้ามให้ผมหยุดดื่มเหล้า”  

Sera “ฉันเข้าใจ เข้าใจจริง ๆ”

Sera (บรรยายถึง Ben) “เมื่อแรกพบ Ben ก็เหมือนเรารู้จักกันมานาน เมื่ออยู่กับคนอื่น (ลูกค้า) มันคือการเสแสร้ง  เมื่ออยู่กับ Ben ฉันคือตัวเอง เราต่างยอมรับซึ่งกันและกัน ฉันรักเขา”

 

โดยพื้นฐานของชีวิต Sera คงขาดความรักความอบอุ่นไม่น้อยกว่า Ben เธอมีบุคลิกประเภท ใฝ่หาการผูกรัก ต้องการการยอมรับ (Affection Approval) ทำตามที่คนอื่นต้องการได้ทุกอย่าง เพื่อหวังให้คนอื่นรักใคร่ใยดี และให้การยอมรับ จะสะเทือนใจยิ่งหากถูกปฏิเสธ จนเรียกได้ว่ามีลักษณะสยบยอมต่อผู้อื่นจนเกินเหตุ

 

เมื่อมาพบ Ben ชายขี้เมาหยำเป ผู้มีใจเปลี่ยวเหงา เช่นเดียวกัน  Ben ให้เกียรติ ชื่นชม เห็นคุณค่า ตรงข้ามกับชายอื่นที่เห็นเธอเป็นเพียงสิ่งระบายใคร่และตวงผลประโยชน์

 

รักคุณมากกว่าใครที่เคยรัก  

พายุหนักฝนกระหน่ำ หรือ ฟ้าใส 

หมอกหม่นมัว หรือ แดดจ้ากว่าวันใด

รวยกว่าใคร…หรืออดยาก…ไม่จากคุณ….

(เรียบเรียงจากเพลง “Come Rain or Come Shine” เพลงในภาพยนตร์)

 

ทั้งคู่รักและเข้าใจกัน Sera ก็คือนางฟ้าของ Ben รักเขาแบบไม่มีเงื่อนไข อภัยให้เสมอดุจดังความรักของคุณแม่ใจดี ที่มีให้ลูกน้อย ชีวิตรักของทั้งสองกำลังสดใส ดูท่าว่าจะไปได้สวยมาก ๆ แต่แล้วปมแห่งการเย้ยหยันทำลายตัวเองของ    Ben ก็เป็นตัวการทำลายชีวิตรักจนสิ้น

 

Sera (ด้วยรักและห่วงใย เมื่อเห็นว่าอาการ Alcoholism ทำร้าย Ben รุนแรงขึ้นทุกวัน) “ฉัน…ฉันอยากให้คุณไปหาหมอ”  

Ben (สีหน้าสลดผิดหวัง) “ผมจะไม่ไปหาหมอ (เงียบครู่นึง) นี่คงถึงเวลาที่ผมจะย้ายออกไปได้แล้วมั้ง?”  (ในความคิดคนึงของ Ben “เธอเริ่มมีเงื่อนไขกับผมแล้ว เธอเริ่มไม่ยอมรับอย่างที่ผมเป็นแล้ว ผมมันไม่ดีพอที่เธอจะรักหรอก และเธอเริ่มขัดขวางหนทางสู่ความตายของผมแล้ว!”

 

– ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์ –