เวลาเหงาบางครั้งก็อยากจะดำดิ่งสู่ความรู้สึกนั้น เพื่อจะเข้าใจตนเองได้มากขึ้น เพื่อที่จะเยียวยาความรู้สึกของตน การฟังเพลงที่มีความรู้สึกร่วมกับเรานั้นเยียวยาได้ดี เพราะหลายครั้งมันตรงใจ และเข้าอกเข้าใจเราเหลือเกิน
“All by Myself” Eric Carmen (1975)
I never needed anyone
And making love was just for fun
Those days are gone
Livin’ alone
I think of all the friends I’ve known
When I dial the telephone
Nobody’s home
All by myself
Don’t wanna be
All by myself
Anymore
Eric Carmen เล่าว่า เพลง All by Myself เป็นความรู้สึกที่ทุกคนต้องเคยรู้สึกในจุด ๆ หนึ่งของชีวิต และเป็นเพลงที่สื่อสารความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ผ่านดนตรีที่มีความ dramatic
เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาในอัลบั้มแรกของ Eric และทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก Eric เขียนเพลงนี้ขึ้นจากความรู้สึกหดหู่ และโดดเดี่ยว เพลงเล่าถึงความอัดอั้นที่ต้องโดดเดี่ยว
“มันไม่มีพลังในการมีความสุข มากเท่าการรู้สึกเศร้า/หดหู่ ความรู้สึกหดหู่เป็นตัวกระตุ้นที่ยอดเยี่ยมในการแต่งเพลง”
ต่อมาเพลงนี้ถูกนำมาร้อง cover โดย Celine Dion ในปี 1996 และกลายเป็น version ที่น่าจดจำมากที่สุด version หนึ่ง
https://youtu.be/iN9CjAfo5n0 – original
https://youtu.be/NGrLb6W5YOM – Celine Dion (1996)
“The Outside” Taylor Swift (2006)
So how can I ever try to be better?
Nobody ever lets me in
I can still see you, this ain’t the best view
On the outside looking in
I’ve been a lot of lonely places
I’ve never been on the outside
เพลงที่ Taylor Swift เขียนขึ้นเมื่อเธออายุได้ 12 ปี เป็นหนึ่งในเพลงแรก ๆ ที่เธอแต่งขึ้น เธอแต่งเพลงนี้เพื่อเล่าถึงความเหงาที่เธอต้องเผชิญในโรงเรียน Taylor เล่าว่าตอนเธออายุ 12 ในโรงเรียนเธอเป็นคนที่ไม่เข้าพวก แตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ สูงกว่า ร้องเพลงคันทรี่ในวันหยุด ไม่ได้ไปนอนค้างบ้านเพื่อนในวันหยุดเหมือนเด็กคนอื่น ๆ เลยถูกกีดกันจากเพื่อน ๆ เธอจึงเปรียบเทียบว่าเธอเป็นคนที่อยู่ข้างนอก (Outside)
“ฉันคิดว่าทุกคนจะมาถึงจุดหนึ่งในชีวิตที่จะมีวันแย่ ๆ เป็นเหมือนเชือกเส้นยาว คุณเลือกได้ว่าจะให้มันดึงคุณลง หรือคุณจะหาวิธีทำให้มันดึงคุณขึ้น”
Taylor บอกว่าถึงแม้จะไม่ได้มีคนที่อยู่เคียงข้างเธอตลอด แต่เธอมีดนตรีที่อยู่เคียงข้างเธอเสมอ
https://youtu.be/xWxEGogW93A – The Outside
“Hey you” Pink Floyd (1979)
Hey you, out there on the road
Always doing what you’re told
Can you help me?
Hey you, out there beyond the wall
Breaking bottles in the hall
Can you help me?
Hey you, don’t tell me there’s no hope at all
Together we stand, divided we fall
Hey you มีเนื้อเพลงที่แตกต่าง และลึกลับมากที่สุดจากเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม The Wall
Roger Waters หนึ่งในผู้แต่งเพลงนี้ขึ้น อธิบายว่าเพลงนี้เกี่ยวกับการหย่าของเขาในการแต่งงานครั้งแรก ความโศกเศร้า และความเจ็บปวดในขณะที่ยืนกลางถนนตอนที่ผู้หญิงที่เขารักประกาศผ่านโทรศัพท์ว่าเธอรักชายคนอื่น
ในเพลง ในคำร้อง “Hey you” แสดงถึงความพยายามที่จะสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนที่สร้างกำแพงขึ้นมาเพื่ออยู่ห่างจากคนอื่น ๆ และคนหลังกำแพงเหล่านี้สิ้นหวังกับมนุษยสัมพันธ์ และคำถามในเพลงแสดงถึงความสิ้นหวัง
“ในเพลงเป็นการพยายามที่จะปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เพื่อที่จะบอกว่าถ้าเราอยู่ร่วมกัน ความรู้สึกแย่ ๆ อาจหายไปบ้าง…ในสังคมมีการปลอบโยน”
Roger บอกว่าการเรียกในเพลง “Hey you” เป็นการเรียกร้องให้เข้ามาใกล้กันมากขึ้น เพื่อที่เราจะสามารถช่วยเหลือกันได้
“The Lonely” Christina Perri (2011)
That I want to be most
I’m the shell of a girl
That I used to know well
Dancing slowly in an empty room
Can the lonely take the place of you
I sing myself a quiet lullaby
Let you go and let the lonely in
To take my heart again
เพลงนี้ Christina Perri ต้องการเล่าถึงความสัมพันธ์ของเธอกับความเหงา
Perri เขียนเพลงนี้ขึ้นตอนบ่าย 2 ขณะที่จอดรถอยู่บนทางเข้าบ้าน หลังกลับจากงานเลี้ยง เธอเล่าว่าเมื่อเธอจอดรถ เธอตระหนักได้ว่าเธอเหงาแค่ไหน แล้วเธอก็ร้องไห้แทบเป็นแทบตายขณะที่เขียนเพลงนี้ขึ้นมา
เพลงตั้งใจที่จะอุปมาความเหงาในแบบที่โศกเศร้าที่สุด เงียบงันที่สุด และเจ็บปวดที่สุด
“มันเป็นความโดดเดี่ยวอ้างว้าง เป็นความสัมพันธ์ของฉันกับความว่างเปล่า”
ในเพลง Perri ได้เปรียบว่าเธอได้สูญเสียความเป็นตัวเอง เพราะความเหงา และเธอได้กลายเป็นคนที่เธอไม่รู้จัก
“Mad world” Tears for Fears (1983)
And I find it kinda funny, I find it kinda sad
The dreams in which I’m dying are the best I’ve ever had
I find it hard to tell you, I find it hard to take
When people run in circles it’s a very very
Mad world, mad world
Enlarge your world
Mad world
เพลงเล่าเกี่ยวกับถึงความเศร้า และความรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งกับโลกใบนี้ โลกที่ผู้คนทำอะไรซ้ำไปซ้ำมา โลกที่บ้าบอสิ้นดี
ท่อนหนึ่งในเนื้อเพลงพูดถึงความอยากที่จะหลุดพ้นจากโลกที่บ้าบอ (Mad World) ด้วยการตาย
Gary Jules นำมาร้องใหม่ในปี 2001 เพื่อใช้ในหนังเรื่อง “Donnie Darko” โดยปรับดนตรีให้ช้าลงเพื่อให้เข้ากับเนื้อเพลงมากขึ้น และเพลง Mad World ในเวอร์ชั่นของ Gary Jules ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก
https://youtu.be/u1ZvPSpLxCg – Tears for Fears
https://youtu.be/4N3N1MlvVc4 – Gary Jules (2001)
“Eleanor Rigby” The Beatles (1966)
Eleanor Rigby, died in the church
And was buried along with her name
Nobody came
Father McKenzie, wiping the dirt
From his hands as he walks from the grave
No one was saved
All the lonely people
Where do they all come from?
All the lonely people
Where do they all belong?
เพลงพูดถึงหญิงชราที่ชื่อ Eleanor Rigby และ บาทหลวง McKenZie ตัวละคร 2 ตัวที่ไม่รู้จักกัน หรือเกี่ยวข้องกัน แต่ทั้งคู่ต่างก็โดดเดี่ยวเหมือนกัน
ตัวละครดำเนินชีวิตด้วยความว่างเปล่า และเรื่องราวก็จบลงด้วยความเศร้า และอ้างว้าง
ซึ่งเรื่องในเพลงถูกแต่งขึ้นโดยจินตนาการของ Paul McCartney แทบทั้งหมด
Paul อธิบายว่าเพลงนี้ใช้จินตนาการแต่งขึ้นเกือบทั้งหมด เขาเขียนเพลงนี้เกี่ยวกับการตายโดยที่ไม่มีใครสังเกตของหญิงชราคู่หนึ่งที่เค้าโตมาด้วย