วิธีลดความเศร้า

ชีวิตนำพาเรื่องน่าเศร้ามาสู่เราเสมอ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะเรียนรู้วิธีรับมือกับมัน เพื่อที่จะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคง ถึงแม้ความรู้สึกเศร้าจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งสำคัญคือจัดการกับความเศร้าอย่างไรไม่ให้ทำลายสมดุลของความรู้สึก

หยุดคิดลบ

 

เคยเป็นมั้ย? เวลาเศร้าจะเวิ่นเว้อไปต่างๆ นาๆ

เวลาเศร้าความคิดเป็นตัวการสำคัญที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความเศร้า หรือจมดิ่งลึกลงกว่าเดิม

ดังนั้นตั้งสติ แล้วหยุดความคิดพวกนั้น แล้วลองมองไปข้างหน้าว่าเสียใจเสร็จแล้วจะทำยังไงต่อดี จะแก้ปัญหายังไง มองข้ามไปที่เรื่องหลังจากเศร้าเสร็จแล้วว่าอยากให้เป็นยังไง

รู้ทันความคิดและอารมณ์ตัวเองก็จะยับยั้งและบรรเทาความเศร้าได้

 

 

 

อยู่กับคนบวกๆ

 

เศร้าแล้วอยู่คนเดียวบางทีก็เศร้าหนักกว่าเดิม ลองออกไปหาเพื่อน หาคนรู้จักที่เป็นคนคิดบวกดู

เป็นการเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ที่มีคนพร้อมจะรับฟังและเข้าใจเรา 

ความเศร้ามักนำมาซึ่งความคิดลบๆ บางครั้งอยู่กับคนคิดบวก พวกเขาจะช่วยเตือนสติได้ว่าอย่าคิดลบ!

กอด

 

กอดหมอน กอดตุ๊กตานุ่มๆ กอดใครซักคนในวันที่เศร้า ช่วยได้

มีงานวิจัยว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชอบการสัมผัส 

มนุษย์วิวัฒนาการมาจากลิง ซึ่งมีสัญชาตญาณให้ชอบการสัมผัสเพื่อประโยชน์ในการทำความสะอาดขนให้กันและกัน การสัมผัสจึงทำให้มนุษย์รู้สึกดีกับการสัมผัสที่ถูกต้อง

มนุษย์เมื่อได้รับการสัมผัสที่ดี เช่น การนวด การลูบหัว จับมือ หรือการกอด 

เซลล์จากผิวหนังจะส่งสัญญาณไปที่ระบบประสาท แล้วหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน ส่งผลให้รู้สึกดี ลดความเครียด ผ่อนคลาย

 

 

ออกไปโดนแสงแดด

 

แสงมีผลต่ออารมณ์ ความสว่างและสีที่ต่างกัน ทำให้คลื่นแสงมีความถี่ต่างกัน คลื่นที่ต่างนี้เองที่กระทบต่อการทำงานของสมอง ทำให้สมองหลั่งฮอร์โมนต่างกันออกไป

มีการทดลองที่ชี้ว่าคนที่ทุกข์จะชอบที่มืดและเย็น ในขณะที่คนมีความสุขจะเลือกที่สว่างกว่าและอบอุ่นกว่า

ถ้าเศร้าก็ออกไปที่สว่างๆ ไปเดินเล่นโดนแดดบ้าง อย่าหมกตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เพราะแสงจะช่วยเยียวยาความเศร้าของคุณ

 

 

 

 

ร้องไห้

 

การร้องไห้เป็นการแสดงออกทางความรู้สึกอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับการโกรธ เจ็บ ดีใจ ดังนั้นอย่าไปมองว่าร้องไห้เป็นเรื่องของคนอ่อนแอ 

ให้เวลาตัวเองระบายความรู้สึกผ่านการร้องไห้บ้าง เพราะเวลาเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมาซึ่งสามารถขับออกได้ทางน้ำตา แถมยังปล่อยสารกระตุ้นการหลั่งของเอนโดรฟินที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นออกมาอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลังจากการร้องไห้ทำให้รู้สึกดีขึ้น

อีกทั้งการร้องไห้ยังช่วยขับสารแมงกานีสที่สะสมมากจะเกิดความเครียดออกมาทางน้ำตา การร้องไห้จึงเป็นการปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง

 

 

นึกย้อนถึงความเศร้าครั้งที่ผ่านมา

 

ให้นึกย้อนไปว่าผ่านความเศร้าครั้งนั้นมาได้ยังไง แล้วลองใช้วิธีเดียวกันนี้จัดการความเศร้า หรือลองเอาวิธีที่เคยใช้มาพิจารณาว่าควรใช้วิธีอื่นมั้ย

เช่น ตอนนั้นมีเพื่อนรับฟังปัญหาของเรา ก็ลองโทรหาใครซักคนแล้วเล่าเรื่องที่ทำให้เศร้าให้เขารับฟัง

ตอนนั้นร้องไห้จนหลับไป รู้สึกแย่มากๆ ก็ลองหาวิธีใหม่

ถ้าใช้วิธีไหนไม่ได้ผลก็เก็บไว้เป็นบทเรียน แล้วเรียนรู้วิธีรับมือกับความเศร้าต่อไป

 

 

 

 

เชื่อว่าความเศร้าไม่คงอยู่

“Behind the cloud the sun always shines”

ความเศร้าเป็นเหมือนก้อนเมฆ ใช่ว่าไม่มีดวงอาทิตย์ เพียงแค่ก้อนเมฆบดบังผ่านมาบดบังเท่านั้นเอง 

หลายครั้งที่เศร้า เราจะถูกความเศร้าบดบังความหวังว่ามันจะดีขึ้น มันจึงเป็นเรื่องยากเวลาเศร้าที่จะบอกกับตัวเองว่าทุกอย่างจะดีขึ้น หรือยากที่จะเชื่อเช่นนี้ แต่อารมณ์เศร้าเป็นแค่สิ่งชั่วคราวเท่านั้น เป็นสารเคมีในสมองที่หลั่งออกมาเพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมน 

แต่หากคุณพบว่าความเศร้าของคุณนั้นไม่หายไปซักที ทำให้คุณจมปลักกลับความเศร้า หรือความเศร้านั้นเลวร้ายขึ้น ควรไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อพูดคุยถึงความรู้สึกนี้

อารมณ์ทุกอารมณ์ต่างก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอดี ยิ่งเป็นความเศร้าแล้วยิ่งต้องรักษาให้อยู่ในระดับที่สมดุล เพราะสามารถนำไปสู่ความเจ็บป่วยได้

ในระยะยาวการรับมือกับความเศร้าคงไม่พอ แต่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองเมื่อต้องพบเจอกับความเศร้าในครั้งต่อๆ ไป