ด้วยนิสัยส่วนตัวผมไม่ชอบความวุ่นวาย เสียงดัง สถานที่ที่ผู้คนเบียดเสียด 

การไปที่ที่คนเยอะๆ ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกหายเหงา 

แต่ทุกๆ ครั้งมันกลับทำให้ผมเหงามากกว่าเดิม 

ความเหงาสำหรับผมจึงไม่ได้เกิดจากการที่ผมไม่มีคนรอบข้าง 

แต่เกิดจากความรู้สึก “ไร้ตัวตน” ในฝูงชนมากกว่า

 

หลายคนอาจมองว่า การไปสถานที่คนเยอะๆ ทำให้พวกเขาสนุก กล้าและมีกำลังทำสิ่งต่างๆ 

เพราะพวกเขาสามารถสัมผัสถึงพลังงานด้านบวกจากการได้ทำอะไรไปพร้อมๆ กับผู้คนหมู่มาก 

การกรี้ดไปพร้อมกับแฟนเพลงหรือแฟนกีฬาคนอื่นๆ การได้เต้นไปตามจังหวะเพลงและร้องเชียร์ทีมกีฬากับคนแปลกหน้าจำนวนมาก 

ถูกมองว่าเป็นกิจกรรมที่น่าจะทำให้ใครๆมีความสุข 

 

แต่สำหรับผมสถานการณ์แบบนั้นไม่ใช่อะไรที่ผมอยากทำ 

เพราะผมไม่สามารถสัมผัสถึงสายสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่นๆ ได้ 

ผมชอบการนั่งในมุมเงียบๆ ของร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือห้องส่วนตัว 

นั่งคุยทำความรู้จักกับคนอีกคนมากกว่าการคุยกับคนไม่กี่คน 

 

สำหรับผมมันคือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีเสียงที่ดังจนเราคุยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรเบี่ยงเบนความสนใจจากบทสนทนา เราได้รู้จักคู่สนทนามากขึ้น และเรามีโอกาสที่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจเรามากขึ้น 

การมีคนมองเห็น รับฟัง และเข้าใจผม 

นั่นคือความรู้สึกของการมีตัวตนในสังคม และทำให้ผมไม่รู้สึกเหงา

 

บ่อยครั้งเวลาไปงานที่มีคนเยอะๆ 

เช่นปาร์ตี้ งานเลี้ยง หรือแม้แต่งานแต่งงาน 

ผมมักจะขอตัวกลับก่อน หรืออย่างดีที่สุดคือจะรอจนถึงพิธีการสำคัญและกลับบ้าน 

ด้วยนิสัยส่วนตัวของผมเอง เวลามีคนแย่งกันพูดมากๆ 

ผมมักเลือกที่จะหยุดพูด เวลาคู่สนทนามีอะไรมาเบี่ยงเบนความสนใจ 

เช่นมีคนมาทัก หรือมีอย่างอื่นที่เขาสนใจมากกว่า 

ผมมักเกรงใจและเลือกที่จะหยุดบทสทนาเพื่อให้เขาได้ไปจดจ่อกับสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องราวของผม 

ในฐานะคนที่มีความสนใจต่างจากคนอื่นๆ 

 

ผมไม่แปลกใจถ้าหากคนอื่นมองว่าผมน่าเบื่อหรือซีเรียสเกินไป 

ช่องว่างระหว่างผมกับคนอื่น จะทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ จางหายไปในฝูงชน 

จะเหลือเพียง “ตัวเอก” ของงานเท่านั้นที่คนอื่นจะมองเห็น 

ความรู้สึก “ไร้ตัวตน” ทำให้ผมคิดว่าจะอยู่หรือไม่อยู่คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ 

เพราะฉะนั้นก็ออกมาจากพื้นที่ตรงนั้น และกลับไปอยู่ในพื้นที่ของเราที่เรามีตัวตนดีกว่า 

 

นอกเหนือไปจากสถานที่จริง พื้นที่สมมติอย่างเพจบางเพจ หรือเว็บต่างๆ 

เช่น youtube ซึ่งมีคนจำนวนมากแข่งขันกันเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น 

หลายคนพยายามจะพิมพ์ข้อความตลกๆ คำด่าแทนใจคนอื่น 

เพื่อหวังว่าจะมีคนมากดไลค์เยอะๆ และตัวเองจะรู้สึกได้รับความสนใจเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าในชีวิต 

ในพื้นที่เหล่านั้นไม่มีใครคาดหวังที่จะทำความรู้จักกัน 

แม้แต่กรุ๊ปไลน์บางกลุ่มที่ทุกคนเข้ามาจีบ มาหยอดข้อความกันไปมา 

แต่ไม่มีใครจริงจังที่จะทำความรู้จักกับใคร 

คำพูดที่บอกว่า “เมื่อไหร่จะเดทกัน?” “มาเป็นแฟนกันมั้ย?” 

ต่างเป็นประโยคกลวงๆ ไร้ความหมาย 

 

ผมเองเลือกที่จะเลี่ยงพื้นที่เหล่านี้

เพราะไม่มีใครเห็นตัวตนจริงๆ ของผมได้ 

ผมเลือกพื้นที่ที่ผมได้มีโอกาสแสดงความเป็นตัวเองมากกว่า 

เช่น เว็บ deviantart 

ซึ่งผมสามารถโพสต์ภาพที่ตัวเองวาด พูดคุยกับศิลปินคนอื่นๆ และคนบางส่วนที่ชื่นชอบในผลงานของผม 

หรือเว็บหาเพื่อนแลกเปลี่ยนทางภาษาซึ่งอีกฝ่ายมีความกระตือรือร้นในการคุยกับผม เพื่ออยากฝึกภาษาไทยของตัวเองให้ดีขึ้น 

ซึ่งผมคิดว่าบทสนทนาเหล่านี้มีคุณค่าและมีความหมายสำหรับชีวิตของผมมากกว่า 

 

ผมจึงเลือกที่จะอยู่ในพื้นที่แค่บางที่ที่ผมรู้สึกมีตัวตน 

ซึ่งส่วนมากคนอื่นมองว่าผมเก็บตัวและมักชวนให้ผมไปที่ที่คนเยอะๆ 

เพราะเข้าใจว่านิยามความเหงาของผม เหมือนของพวกเขา 

 

บ่อยครั้งผมเลือกที่จะปฏิเสธที่จะพาตัวเองออกไปเหงาเงียบๆ คนเดียว 

ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังสนุกสนานกัน