ในฐานะคนที่สามารถเปิดรับเรื่องราวของผู้อื่นได้
ผมมักลงเอยที่จะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด เพราะไม่ค่อยได้รับโอกาสให้คุยเรื่องที่ตัวเองสนใจ
และคนส่วนมากไม่พร้อมที่จะรับฟังอะไรที่แตกต่างไปจากความคาดหวังของตนเอง
การถูกละเลย มองข้ามความสำคัญ และการถูกเลือกปฏิบัติ จึงเป็นที่มาของความเศร้าที่ผมเผชิญอยู่บ่อยๆ
ผมมักอยู่ในสถานะที่ปรึกษาที่พร้อมจะหยุดสิ่งที่ทำอยู่ เพื่อให้เวลาใครก็ตามที่โทรหรือติดต่อผม
ผมอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาของผู้อื่นได้ทุกครั้ง
แต่อย่างน้อยผมเต็มใจที่จะรับฟังปัญหาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผม เพื่อให้คนอีกคนหนึ่งรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและสบายใจขึ้น
แต่ในวันที่ที่ปรึกษาคนนี้ต้องการใครสักคน
เขากลับได้รับแต่คำตอบสั้นๆ แค่ว่า “แกคิดมาก” “อย่าคิดมากนะแก ตอนนี้ยุ่งอะ ไว้คุยกันนะ”
โดยที่ไม่มีการติดต่อหรือสอบถามเพื่อให้ผมเล่าปัญหาของตัวเองอีก
ในขณะที่คนอื่นคาดหวังที่จะมีใครสักคนได้ ผมกลับไม่ได้รับสิทธิตรงนั้น
ในช่วงสมัยที่ผมเป็นนักเรียน การอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดี
เราดูมีคุณค่ามากขึ้น เราไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ เพียงคนเดียว
ผมมักได้เล่นบทบาทในฐานะ “ตัวประกอบ” ที่ยืนยิ้มอยู่ในฉากหลัง เพื่อหลบให้ “ตัวเอก” ได้รับความสนใจจากคนในกลุ่ม เพียงแค่เพราะว่าเขาป็อบหรือคูลมากที่สุด
ความเอาใจใส่เพื่อนๆ การทุ่มเทให้กับมิตรภาพ ทำให้ผมเป็นได้มากสุดคือ “คนดี” แต่ไม่ใช่ “คนสำคัญ”
ผมเคยเลือกที่ยอมฝืนเป็นคนอื่นเพื่อปรับตัวให้เข้ากับคนกลุ่มใหญ่
ยอมทำอะไรที่ขัดกับความรู้สึกตัวเองเพียงแค่หวังว่าตัวเองจะมีความสำคัญทัดเทียมคนอื่นๆ
ยอมโดนเอาเปรียบหรือหลอกใช้ เพื่อแลกมิตรภาพ
แต่ท้ายที่สุดผมก็เข้าใจว่า ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม ตัวประกอบก็ไม่มีวันเป็นตัวเอกได้อยู่ดี
เมื่อเวลาผ่านไป จากคนที่กลัวที่จะทะเลาะกับคนอื่น
รู้สึกเสียใจทุกครั้งที่ตัวเองรักษาความสัมพันธ์ไว้ไม่ได้ โทษตัวเองที่คนอื่นไม่พอใจ
ตอนนี้ผมชินชากับการปล่อยให้คนอื่นเดินออกไปจากชีวิต ไม่ว่าคนๆนั้นจะเคยสนิทกับผมมากแค่ไหน หรือผมเคยเชื่อว่าเขามีคุณค่ากับชีวิตผมมากมายก็ตาม
ผมเริ่มเรียนรู้ว่าความยากลำบากในการฝืนรักษาความสัมพันธ์ที่ไปต่อไม่ได้ และการหลอกตัวเองไปวันๆ ว่าเราสำคัญสำหรับใครบางคน มันทำให้ผมรู้สึกเศร้า สิ้นหวัง และเหนื่อยมากกว่าการปล่อยให้สิ่งที่บั่นทอนชีวิตหายไปตามกาลเวลา
ทุกวันนี้ผมรู้สึกดีขึ้นกับการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
การใช้เวลาส่วนมากไปกับงานอดิเรกและความฝันของตัวเอง
ได้เห็นตัวเองทำผลงานเสร็จเป็นชิ้นเป็นอัน เห็นตัวเองพัฒนาทักษะต่างๆ เพิ่มขึ้น กลับทำให้ผมรู้สึกเติมเต็มมากกว่า