มันคือรอยแตกร้าวที่ไม่มีวันประสานกลับ
ความุรนแรงที่เธอได้กระทำแก่ฉันมันคือการสร้างรอยแตกร้าวของจิตใจที่ไม่มีวันประสานกลับให้เป็นเหมือนเดิมได้
เธอฟาดฝ่ามือของเธอลงบนใบหน้าของฉัน
ในหลายครั้งที่เรามีปากเสียง มีอารมณ์เกิดขึ้นและอยู่เหนือการควบคุมของเธอ
หรือเป็นเพราะฉันเองที่ร้องไห้ไม่หยุด
ส่วนมากฉันคงเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะฉันเป็นเจ้าแม่ร้องไห้
เธอลงมือทำมันกับฉันแม้ว่าฉันไม่ได้ลงมือเริ่มหรือโต้ตอบต่อความรุนแรงใดๆ
ทุกครั้งที่ถูกตบหน้านอกจากความเจ็บปวดต่อร่างกายแล้ว มันเกิดความเจ็บปวดทางจิตใจทวีคูณ
“เธอหวังให้ฉันหยุดร้องไห้ด้วยความรุนแรงอย่างนั้นหรือ”
บางครั้ง…เธอกดฉันลงบนพื้นห้องด้วยมือทั้งสองข้าง ด้วยแขนอันแข็งแกร่งของเธอ
แค่เพียงเพราะเธอต้องการให้ฉันหยุดร้องไห้
แต่มันกลับยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม เพราะความเจ็บ
เจ็บที่กายและใจไปพร้อมๆกัน
เธอกลับยิ่งเพิ่มแรงกดตัวของฉัน หัวของฉัน หน้าของฉันให้แนบแน่นไปกับพื้น แรงขึ้นและแรงขึ้น
และแม้ฉันจะไม่ได้ตอบโต้ต่อความรุนแรงของเธอ ทว่ามันก็ไม่ได้ช่วยหยุดยั้งการกระทำนั้น
ฉันทำได้เพียงแค่ใช้แรงทั้งหมดที่พอจะมีจับแขนของเธอไว้และกลั้นสะอื้นร้องไห้เพื่อให้เธอหยุด
เพื่อให้เธอเห็นว่าฉันหยุดร้องไห้ แล้วเธอจะได้หยุดทำมันเสียที !
แน่ล่ะ กว่าฉันแกล้งหยุดร้องไห้ได้เพื่อให้ฉันรอดพ้น มันไม่ง่ายดายเลยสักครั้ง
ฉันหลุดออกมาจากเธอ เพื่อร้องไห้อีกครั้งจากความหวาดกลัวและความรู้สึกเสียใจที่มีต่อเธอ
ฉันเจ็บจนเป็นลม
แต่เธอกลับกล่าวหาว่าฉัน ว่ามันคือการแสดงว่า นั่นเป็นความคิดลำดับแรกของเธอ
ฉันถูกกระทำด้วยความรุนแรงจนหมดแรงแม้แต่จะร้องไห้ หรือจะปกป้องตัวฉันเอง
ร้องไห้จนล้มพับ เหนื่อยอ่อน ปวดหัวอย่างรุนแรง
“เธอหวังให้ฉันหยุดร้องไห้ด้วยความรุนแรงอย่างนั้นหรือ”
เธอชกหน้าฉัน เพราะเราทะเลาะกัน
มันทำให้ฉันร้องไห้
พอร้องไห้เธอก็คว้าตัวฉันไว้ในอ้อมแขนของเธอ แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้กอดฉันน่ะสิ
เธอรัดฉันไว้ด้วยแขนอันแข็งแรงของเธออีกแล้ว ฉันเจ็บ ฉันเริ่มร้องไห้หนักขึ้น
สัญชาตญาณมันทำให้ฉันพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขน เพื่อหนีจากความเจ็บปวดของร่างกาย
แต่เธอกลับยิ่งรัดฉันแน่นขึ้น และแน่นเข้าไปอีก
และในตอนนั้นเธอเริ่มมือปิดปากฉันแน่น เพราะฉันร้องไห้หนักขึ้นอีกแล้ว
เธอปิดปากฉันแน่นขึ้น จนฉันปากแตก
ฉันก็ยิ่งพยายามดิ้นเพื่อบอกเธอว่ามันแรงเกินไป
แต่เธอก็กลับบอกว่าฉันแสร้งทำว่ามันหนักหนา ทั้งๆที่ฉัน…ตัวเท่านี้เอง
ฉันไม่สามารถรับแรงเจ็บปวดได้มากเท่าคนอื่นๆหรอกนะ
ยิ่งฉันพยายามร้องบอกเธอผ่านมือที่กดปากฉันแน่น เธอก็ยิ่งกดมันลง
จนฉันหมดแรงดิ้น
กว่าเธอจะเห็นว่าฉันไม่ได้โกหกอย่างคำกล่าวหา เลือดก็เลอะไปทั่วมือของเธอไปด้วยแล้ว
เธอคลายกอดรัดแน่นแล้วโอบกอดฉันไว้แทน
แต่…ตอนนั้นฉันหวาดกลัวเธอจนไม่กล้าจะขยับตัว และเอาแต่ร้องไห้
กอดของเธอมันไม่อุ่นอีกต่อไปแล้วล่ะ
“เธอหวังให้ฉันหยุดร้องไห้ด้วยความรุนแรงอย่างนั้นหรือ”
เธอชกท้องฉันในวันที่ฉันมีประจำเดือนจนลุกไม่ไหว
ครั้งหนึ่งเธอโมโหที่ต้องกลับมาดูฉันแทนที่ฉันจะได้ออกไปข้างนอก
ด้วยเพราะวันนั้นฉันปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรงและลุกไปซื้อข้าวเองไม่ไหว
ฉันพยายามช่วยตัวเองแล้วนะ แต่อาการปวดมันหนักหนาเหลือเกินในวันนั้น
ฉันไม่ไหวเอาเสียเลย ฉันเลยงี่เง่าให้เธอช่วยซื้อข้าวมาให้ก่อนออกไปทำธุระ
เธอตรงเข้ามาชกลงไปที่ท้องของฉันในขณะที่ฉันนอนปวดท้องประจำเดือน
มันไม่ได้โดนเต็มแรงซะทีเดียวหรอกนะ
แต่เธอรู้อะไรไหม การปวดท้องประจำเดือนน่ะมันรุนแรงเสียยิ่งกว่าอะไร
ฉันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
แต่เธอกลับกล่าวหาว่าหมัดของเธอไม่ได้โดนตัวฉัน ฉันต่างหากที่แสดงออกมากเกินไปว่ามันเจ็บ
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น แต่ตอนนั้นฉันก็เจ็บไปแล้วล่ะ
หมัดมันโดนเข้าที่ท้องของฉันจริงๆ และฉันก็เริ่มร้องไห้อีกแล้ว
โชคดีที่คราวนี้เธอไม่ได้ใช้ความรุนแรงซ้ำเพื่อให้ฉันหยุดร้องไห้
“เธอหวังให้ฉันหยุดร้องไห้ด้วยความรุนแรงอย่างนั้นหรือ”
เธอตบหัวฉันและผลักฉันในที่สาธารณะ
เพียงเพราะเราะเลาะกัน แล้วฉันเกิดเอาแต่ใจจะกลับบ้านทันที
ฉันนั่งลงร้องไห้ตรงนั้นแบบควบคุมไม่ได้
ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเกิดขึ้นในข้างนอกที่อาจมีผู้คนผ่านมาเห็นได้ตลอด
“เธอหวังให้ฉันหยุดร้องไห้ด้วยความรุนแรงอย่างนั้นหรือ”
เธอเริ่มใช้ทุกอย่างของเธอทำร้ายร่างกายฉันมากขึ้นในครั้งต่อๆมา
ฉันพยายามป้องกันตัว
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งทำให้เธอเพิ่มการกระทำมากขึ้น เพราะเธอคิดว่าฉันตอบโต้
ฉันนอนร้องไห้กองอยู่ที่พื้น
เธอหยิบมือถือขึ้นมา ปลายสายโทรหาเพื่อนสนิทของฉัน เพื่อบอกว่ารับฉันไม่ได้อีกแล้ว
ในขณะที่ฉันนอนเจ็บอยู่ที่พื้นและร้องไห้
เธอบอกเพื่อนสนิทฉันว่าฉันเสแสร้งและไม่ได้เจ็บจริง
ฉันก็ยังนอนร้องไห้กองอยู่ที่พื้น
ฉันอยากตะโกนเรียกให้เพื่อนปลายสายได้รับรู้ว่าฉันต้องการความช่วยเหลือ
แต่ก็ดูเหมือนว่าทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากนอนร้องไห้กองอยู่ที่พื้น
วันนั้นความรุนแรงมันทวีคูณ จนกลายเป็นการกระทืบ
แต่เธอกลับบอกว่าฉันไม่น่าจะเจ็บขนาดนั้น
“เธอหวังให้ฉันหยุดร้องไห้ด้วยความรุนแรงขนาดนั้นจริงๆน่ะหรือเธอ”
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของเรามันทำให้ฉันรักเธอไปพร้อมกับความหวาดกลัว ฉันหวาดกลัวอ้อมกอด
ฉันหวาดกลัวแขนเธอ มือเธอ ขาของเธอ
ฉันหวาดกลัวอารมณ์ของเธอ และมันก็ทำให้ความรู้สึกฉันเปลี่ยนไป
ภาพของการกระทำเหล่านั้นหลอกหลอนฉันในบางคืน
สะดุ้งตื่นกลางดึกบ้าง นอนไม่หลับบ้าง ร้องไห้จนนอนหลับไปบ้าง
ใจฉันที่เคยมีต่อเธอมันค่อยๆแตกสลาย จนฉันเองในวันนั้นก็ไม่แน่ใจว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอ
ครั้งต่อๆมา เธอเริ่มมีความคิดใช้เซ็กส์เพื่อจบความรุนแรงนั้น
แน่นอนว่าฉันไม่ได้ยินยอม และไม่เคยปล่อยให้มันเกิดขึ้น
มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน
ฉันเพิ่งได้รับความรุนแรงจากเธอ แล้วมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน
เธอคิดได้อย่างไร ฉันไม่อาจรู้ได้
แต่เธอเข้ามากอดและเริ่มเล้าโลมเพื่อให้มันจบลงที่เซ็กส์
ฉันเริ่มหวาดกลัว และเริ่มรังเกียจร่างกายของเธอมากขึ้น
“เธอคิดว่าปัญหาความรุนแรงมันแก้ไขด้วยเซ็กส์ได้อย่างนั้นหรือ”
ทุกครั้งหลังจากที่เธอมอบความรุนแรงกับฉัน
ไม่มีครั้งไหนที่เธอไม่เข้ามาขอโทษหรือกอดปลอบฉัน เช็ดตัวให้ฉัน
และสัญญาว่าจะไม่ทำฉันแบบนั้นอีก
ครั้งแล้ว
ครั้งเล่า….
เธอเปลี่ยนความรุนแรงต่อฉัน เป็นการทำร้ายตัวเองต่อหน้าฉันแทน
ในช่วงหลังๆ เธอหยุดทำร้ายร่างกายฉัน
เธอทำร้ายร่างกายตัวเองต่อหน้าฉันแทน
ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นในรูปแบบนั้น รูปแบบที่เธอทำให้ฉันดู
ก็ยังเป็นความรุนแรงที่มีผลกระทบต่อจิตใจฉันอย่างสาหัสแทน
เธอเปลี่ยนความเจ็บปวดทางร่างกายฉัน ให้เป็นการทวีความรู้สึกผิดแทนอย่างนั้นหรือ
ฉันไม่อาจรู้ได้ว่าทำไมความสัมพันธ์ของเรามันถึงได้เกิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉันกลายเป็นคนน่าโมโห
หรือเพราะเธอกลายเป็นคนขี้โมโห
ฉันเองก็ไม่รู้ว่าปัญหามันเกิดจากตรงไหน
ร่างกายฉันบอบช้ำ จิตใจฉันบอบช้ำ
ในขณะที่วัฏจักรความรุนแรงระหว่างเรามันยังวนเวียนเรื่อยๆ
เธอก็ยังพร่ำบอกว่ารักฉันเหมือนเดิม
แต่เธอกลับสร้างความหวาดหวั่น
เหยียบย่ำฉันและจิตใจของฉันด้วยความรุนแรง
“เธอรักฉันในนามของความรุนแรงอย่างนั้นหรือ”
ฉันยอมจำนนต่อความรุนแรงในนามของความรักได้อย่างไร
จนถึงวันนี้ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองสามารถตอบคำถามนี้ได้
หลังจากที่ได้จบความสัมพันธ์กับเธอไปนานแสนนาน
ไม่ว่าจะผ่านมาสาม หรือเกือบสี่ปี ที่เหตุการณ์ได้จบลง
แต่ความรุนแรงในอดีตยังคงส่งผลกระทบต่อจิตใจฉันเสมอมา
ฉันไม่ได้หลงเหลือความรัก หรือเยื่อใยใดๆต่อเธอ
แต่ทุกความรุนแรงที่เธอได้กระทำต่อฉัน มันสร้างบาดแผลในจิตใจของฉันอย่างแสนสาหัส
เมื่อฉันพบว่า “ตัวเองยอมรับการเป็นเหยื่อของความรุนแรงในความสัมพันธ์ไปแล้วอย่างสมบูรณ์”
มันเกิดความรู้สึกผิดและเกลียดตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ยอมให้มันเกิดขึ้นอยู่ซ้ำๆ
เกิดคำถามทุกครั้งเมื่อฉันมองย้อนกลับไป
หรือแม้กระทั่งตอนที่ฉันได้เขียนเรื่องเล่านี้อยู่
การรื้อค้นความทรงจำในส่วนนี้ ค่อนข้างทารุณจิตใจ
และมันยังย้อนกลับมาทารุณจิตใจอีกครั้ง
ฉันยังคงร้องไห้กับเรื่องนี้ทุกครั้งที่ต้องเล่ามันออกมา
แม้กระทั่งการได้ยินเรื่องเดียวกันนี้ที่เกิดกับคนอื่น ก็ยังมีผลกระทบ
ทำไมฉันไม่ทำแบบนั้น ทำไมฉันไม่ทำแบบนี้ ทำไมๆๆๆๆๆ และสารพัดทำไม
คำถามทุกอย่างจบด้วยคำว่า ฉันมันโง่ที่ยอมทนรับความรุนแรงนั้นเสียเอง
ฉันเกลียดตัวเองหนักขึ้น
ฉันรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าที่ยอมให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพแย่ๆ
ฉันเคยต้องรับสภาพการร้องไห้หนักๆทุกครั้ง ร่างกายฟกช้ำ การถูกกล่าวหาว่าแสร้งเจ็บปวดเพื่อเรียกร้องความสนใจ
หรือแม้กระทั่งฉันพยายามทำให้เธอเป็นคนร้ายในสายตาคนอื่น
แม้ฉันจะเป็นเหยื่อของความรุนแรงจากเธอก็ตาม
และเมื่อฉันค้นพบว่าตัวเองเป็นฝ่ายยอมรับมันเสียเอง
ความรู้สึกผิดต่อตัวเองก็กัดกินจิตใจฉันเสมอมา จนมันเริ่มครอบงำฉันอย่างน่ากลัว
ความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงน่ะ ทรมานกว่าความทุกข์เสียอีก
ผลจากความรุนแรงในความสัมพันธ์ของฉันกับเธอได้ทำลายฉันอย่างสาหัสเหลือเกิน
เธอใช้ความรุนแรงในความสัมพันธ์ไม่ได้หรอกนะ ไม่ได้จริงๆ
ความรุนแรงในนามของความรัก มันไม่ใช่ความรักหรอก
มันแค่เสแสร้งว่าเป็นความรักเท่านั้นแหละ
ฉันอยากหายตัวไปให้พ้นๆกับเรื่องนี้เสียจริง
ปล. เรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อบอกเล่าผลกระทบจากการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจริงกับเรา จากในมุมของเราที่ยอมรับการเป็นเหยื่อของความรุนแรงในความสัมพันธ์เป็นระยะเวลานาน จนส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรง และก่อตัวเป็นโรคซึมเศร้า ถึงจะผ่านมานานเราก็ต้องใช้ชีวิต On medication โดยเราไม่ได้ต้องการกล่าวโทษใครแต่อย่างใด เรื่องข้างต้นไม่มีการแต่งเติมเนื้อหา แต่เป็นการแต่งเติมภาษาเพื่อให้ภาพของจิตใจเราชัดเจนมากขึ้น เราใช้เวลานานอยู่หลายปีเพื่อที่จะเขียนเล่ามันออกมาจนจบ และหวังว่าจะไม่มีใครได้รับผลกระทบหรือกระทำความรุนแรงต่อใครอื่นอีกเลย