ความเศร้า

For me, the opposite of happiness isn't sadness but boredom.

- Sushant Singh Rajput

Slider

ในฐานะคนที่สามารถเปิดรับเรื่องราวของผู้อื่นได้  ผมมักลงเอยที่จะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด เพราะไม่ค่อยได้รับโอกาสให้คุยเรื่องที่ตัวเองสนใจ  และคนส่วนมากไม่พร้อมที่จะรับฟังอะไรที่แตกต่างไปจากความคาดหวังของตนเอง  การถูกละเลย มองข้ามความสำคัญ และการถูกเลือกปฏิบัติ จึงเป็นที่มาของความเศร้าที่ผมเผชิญอยู่บ่อยๆ   ผมมักอยู่ในสถานะที่ปรึกษาที่พร้อมจะหยุดสิ่งที่ทำอยู่ เพื่อให้เวลาใครก็ตามที่โทรหรือติดต่อผม  ผมอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาของผู้อื่นได้ทุกครั้ง  แต่อย่างน้อยผมเต็มใจที่จะรับฟังปัญหาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผม เพื่อให้คนอีกคนหนึ่งรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและสบายใจขึ้น    แต่ในวันที่ที่ปรึกษาคนนี้ต้องการใครสักคน  เขากลับได้รับแต่คำตอบสั้นๆ แค่ว่า “แกคิดมาก” “อย่าคิดมากนะแก
ความกลัวที่จะศูนย์เสียมันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากๆ  ยิ่งเป็นเรื่องความรัก เหมือนเดินบนเส้นด้ายที่ถ้าตกลงไปก็จมอยู่กับความเศร้า  และถ้าเค้าหันกลับมาประคองก็จะมีความสุขเหมือนลอยได้  แต่ถ้าเราหยุดและไม่เดินไปบนเส้นนั้นเลยจะดีกว่ามั้ย ?   เมื่อกลางปีที่แล้วเราได้เลิกกับแฟนที่คบมาตั้งแต่ ม.ปลาย  ตอนนั้นเราอยู่ปี 3 แล้ว  ซึ่งเราทั้ง 2 คนก็ผ่านอะไรกันมาเยอะพอสมควร  ยอมรับเลยว่ามันเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ล้วนๆ    พอเวลาผ่านไปเราไม่รู้สึกอะไรเลย  แต่อยู่ดีๆ เรากลับมาคิดถึงเค้า 
ชีวิตเราเปลี่ยนไปหมด ตั้งแต่แม่เสีย พี่สาวแต่งงาน ทะเลาะกับเพื่อน ย้ายบ้าน  โดยที่ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วง 1 เดือน   ตอนแรกก็งง ปรับตัวพักใหญ่ พอทุกอย่างสงบปุ๊บ  เหงาเฉย เหงาหนักมาก รู้สึกเคว้ง วังเวง จนซึมไปเลย   หลังจากนั้นสักพัก จู่ๆ
เคยรู้สึกว่าที่บางที่มันไม่เหมาะให้คนแบบเราอยู่ไหมคะ? รู้สึกแปลกแยกทุกครั้งที่อยู่บ้าน ทั้งที่มันคือบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก แต่กลับสบายใจเมื่อตอนตัดสินใจเดินออกมาเผชิญโลกกว้าง  รู้สึกว่าข้างนอกมันทำให้เราเป็นตัวเองมากขึ้น  ไม่รู้จักใคร ไม่มีใครรู้จักเรา ไม่ต้องแคร์สายตาคนอื่นมอง ไม่มีคำนินทาว่าร้าย    เราเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนเลยค่ะ เพื่อนสนิทจริงๆก็อยู่ห่างกัน  เวลาอยู่บ้านก็ชอบเก็บตัว อ่านหนังสือ ดูทีวี  ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายด้วย และจะหงุดหงิดทุกครั้งที่ต้องพูดคุยกับผู้คน   บ้านเราเป็นร้านขายของ แต่เราไม่ชอบพูด
หนูเป็นเด็กที่ไม่อยากโตค่ะ  เป็นเด็กที่ไม่ค่อยยุ่งกับใคร มักมีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับตัวเอง  หลายๆครั้งหนูชอบมองคนที่เดินผ่านไปมา ทั้งเพื่อน พ่อ แม่ หรือว่าผู้ใหญ่วัยทำงานหลายๆคน   ตัวหนูเป็นเเบบนี้มาตั้งแต่ช่วง ม.3 ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ช่วง ม.ปลาย  มันเป็นครั้งแรกที่ทำให้มีความรู้สึกที่กลัวการเติบโต  รู้สึกว่าข้างหน้ามันต้องมีอะไรที่เราทำไม่ได้    อีกไม่นานเราต้องเริ่มเป็นเหมือนพี่ ม.ปลาย บางคนที่นั่งเครียดอ่านหนังสือ  เหมือนพี่
การที่เรามองว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี แต่วันหนึ่งสิ่งที่คิดมันไม่จริงขึ้นมาคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน   จะต้องรู้สึกอย่างไรดีถ้าคนที่เรายกให้เขาเป็นเพื่อน เขาไม่เคยมองเราเป็นเพื่อนเลย จะต้องทำหน้าอย่างไร ถ้ารู้ว่าเขาพูดถึงเราด้วยท่าทางและสีหน้า ที่บ่งบอกถึงความรังเกียจและไม่ชอบเรา ในตอนที่เราไม่รู้   จะต้องทำตัวอย่างไรถ้าตอนที่เรายิ้มให้เขา แล้วเขาก็ยิ้มกลับมาแบบไม่มีอะไร  ทั้งที่จริงๆก่อนหน้านั้นเขาพูดจาทำร้ายจิตใจเรามาก่อน   เรื่องมันก็ตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว  สมัยนั้นมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ เพื่อนน่ารักคุยกันได้ สนิทกันช่วยเหลือกัน แต่พอนานๆเข้า มันกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ผมเพิ่งผ่านช่วงเลวร้ายของชีวิตมา วันนี้ก็เป็นวันที่เลวร้ายอีกวันหนึ่ง เพราะบุพการีมีปัญหาจากการถูกโจรกรรม    เศรษฐกิจ​ที่แย่ทำร้ายเราทุกคนอย่างรุนแรง เปลี่ยนคนให้เป็นอาชญากรได้ เรานึกสงสารโจรมากกว่าว่าเขาคงไม่เหลืออะไรแล้วจนต้องเลือกวิธีนี้ ก่อนหน้านี้เราหลอนประสาท กลัวคนทำร้าย  มองคนรอบตัวว่าทุกคนสมเพชเรา พร้อมจะซ้ำเติมเรา ทั้งๆที่ความเป็นจริงคืออาการกลัวไปเอง   เราค้นพบหลังจากพบแพทย์ว่าคนหลายๆคนก็ยังพร้อมที่จะให้กำลังใจเรา  แม้จะผิดพลาด ล้มเหลว เสียสติ ทำร้ายคนอื่นอย่างรุนแรงมามากมาย  และเราขอบคุณ​พวกเขามากๆที่ยังอยู่กับเรา   
หนูรู้จักกับเขาโดยบังเอิญ และเราก็คุยกันมาเรื่อยๆในฐานะพี่น้อง  ตอนแรกหนูแค่มีความรู้สึกดีด้วยเฉยๆ  คิดว่าเขาดูคุยง่าย เฟรนด์ลี่ดี คุยสนุก  มีอะไรเขาก็เป็นที่ปรึกษาแนะนำให้เราดี  เป็นเพื่อนคุยแก้เหงา  เขายอมให้หนูระบายสิ่งที่อึดอัดในใจ  ทำให้หนูมีความรู้สึกดีๆกับเขา...   วันหนึ่ง อยู่ๆเขาก็บอกว่า เขาเหงา  และเขาก็ชวนคุยที่แปลกไปจากเดิม  เขาหยอดมากขึ้น  โทรมาคุยด้วย ทั้งๆที่แต่ก่อนก็ไม่เคย  เขาบอกหนูน่ารักจัง ขอจีบหน่อยได้ไหม
เราพึ่งย้ายมาอยู่หอของที่ทำงาน อยู่คนเดียวเลยออกเที่ยวบ่อย เพราะรู้สึกเหงามาก กว่าจะหลับในแต่ละคืน เที่ยว กินเหล้าบ่อยมาก   แต่เมื่อคืนมันกลับต่างออกไป เราดันนัดกินเหล้ากับคนคุยเก่า เราเคยคุย และเกือบคบ แต่เราเป็นคนทิ้งเขาไปเอง แต่หลังจากนั้นเราก็เคลียกัน จนเป็นเพื่อนกันได้   เป็นเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษากันมา 3 ปีละ ต่างคนต่างมีแฟนใหม่ แต่เผอิญดันโสดพร้อมๆกัน
ฉันตัดสินใจออกจากกลุ่มมา เพราะความรู้สึกโดดเดี่ยว และหลังจากนั้นมา...ฉันก็อยู่ตัวคนเดียว   เป็นความผิดของฉันเองที่ทำให้แม้กระทั่งบรรดาอาจารย์เอือมระอา ทำให้เพื่อนๆทอดทิ้งฉัน และได้เริ่มต้นใหม่อย่างมีความสุข (ในขณะที่ตอนที่มีฉันอยู่ ทุกคนคงรู้สึกเหนื่อยและเบื่อหน่าย)   แต่ถึงอย่างนั้น...ความรู้สึกเจ็บที่ไม่ว่าใครๆก็ต่างก้าวต่อไปข้างหน้าโดยลืมฉันไปแล้ว (ไม่สิ ไม่สนใจการมีอยู่ของฉันอีกแล้ว) ยังแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนชาไปทั้งตัว ฉันไม่สามารถหันหน้ามองพวกเขาได้อีก ฉันกลัวที่ได้ยินเสียง หรือรับรู้เกี่ยวกับพวกเขา ฉันขอแยกห้องนอนกับพ่อแม่เพื่อจะได้ร้องไห้ตอนกลางคืนได้อย่างเต็มที่ ฉันไม่กล้าลุกออกจากเตียงเพื่อเริ่มต้นวันใหม่  

Image is not available
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อ
Slider