เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เราเป็นคนที่เจอคนที่เข้ากับเราได้ยาก เป็นคนที่ไม่ได้พูดจาเก่ง ไม่ได้ชอบหรือเก่งเรื่องเข้าสังคม และด้วยวัฒนธรรม และ backgroud ที่ต่างจากเพื่อนต่างประเทศ ทำให้ในโรงเรียนที่เราไปแลกเปลี่ยนเรามีเพื่อนน้อยมาก แถมเพื่อนก็ไม่ได้ถึงขั้นสนิทกัน ก่อนจะไปแลกเปลี่ยนเพื่อนที่ไทยพูดกับเราว่า “อย่าหายไปนะ” เราจำมันได้ดี แล้วก็เชื่อมั่นในคำพูดนี้มาก ๆ ในเดือนแรกเพื่อนก็ติดต่อตลอด คอลกัน เฟซไทม์หา แชทกัน แต่หลังจากนั้นก็น้อยลง ๆ จนเดือนที่ 3 ก็ไม่มีการติดต่อมาอีกเลย แต่เพราะเราเชื่อในคำพูดเพื่อนมาก ๆ ที่บอกว่าอย่าหายไป เราเลยถ่ายวิดีโอ คุยกลับกล้องทุกวัน หวังว่าเพื่อนจะดูมัน และรู้สึกว่าเราไม่ได้หายไป แต่ที่ถ่ายส่งไปก็ไม่ได้ถูกดูเลย จนมีช่วงนึงที่โทรหาแม่บ่อยมาก แทบทุกวัน ถ่ายวิดีโอคุยกลับกล้องคนเดียวเยอะมาก ๆ แล้วก็ส่งให้เพื่อนดู (ซึ่งก็ไม่มีใครดูซักคน) จนโฮสต์สังเกต และได้เข้ามาคุยกับเรา และมีประโยคนึงที่พูดกับเราว่า “เธอดูเหงานะ” เราสวนกลับทันทีว่า “เปล่า” หลังจากที่พูดออกไป เราชะงักไปครู่ใหญ่ ๆ ตามมาด้วยความรู้สึกชา แล้วก็เคว้งคว้าง เหมือนทั้งชีวิตไม่เคยได้ยินคำว่าเหงามาก่อน เหมือนเราลืมไปแล้วว่ามันมีคำนี้อยู่ในโลก/มีความรู้สึกที่อย่างนี้อยู่ในโลก […]
Free Spirit Club
ตอนต้นเมษาที่ผ่านมาได้ตัดสินใจไปหาจิตแพทย์ เพราะเริ่มรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองมันทำเราทรมาน ได้ข้อสรุปว่าเป็นโรคซึมเศร้า ส่วนทางครอบครัวไม่ยอมรับ ทุกคนรอบตัวคิดว่าเราคิดมาก เพราะเป็นคนเครียดง่าย ผิดหวังในตัวเองง่าย เป็นคนคิดแง่ลบอยู่แล้ว แต่มันมาพีคตอนต้นปี คือตกงาน เคราะห์ซ้ำกรรมซัด แฟนบอกเลิก หางานใหม่ก็โดนเขาหลอกว่าจะรับแต่ก็ไม่รับ พ่อกับพี่สาวก็บอกว่าเราเป็นพวกมโน คิดมากไปเอง ช่วงนั้นเรานอนทั้งวันจริงๆ ไม่ค่อยกินอะไร ชีวิตเอาแต่นอน ทำร้ายตัวเองด้วยการฟังเพลงเศร้าไป ร้องไห้ไป ร้องไห้จนเหนื่อย ก็หลับไป จิตใจเข้าขั้นย่ำแย่แบบเลวร้ายสุดๆ คนที่ไม่เคยเป็นจะไม่เข้าใจเลย จนโดนพี่สาวคนรองท้าให้ไปหาหมอ ก็นั่งรถ ชม.ครึ่งไปโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์ ตอนนั่งรอกลั้นน้ำตาสุดๆ พอหมอถามว่าเป็นยังไงบ้างเราร้องไห้โฮออกมาเลย ที่เก็บมามันไม่ไหวแล้วจริงๆ มันควบคุมตัวเองไม่ได้เลย หมอถามก็ได้แต่พยักหน้า จนหมอต้องยื่นทิชชู่ให้ หมอจัดยาให้เสร็จก็ออกจากห้องตรวจ จนตอนนั้นเราก็ยังหยุดร้องไห้ไม่ได้ จนคนแถวนั้นนั่งมองกันใหญ่เลย ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย มันระเบิดออกมาแล้ว ตอนนี้กินยามา 5 เดือนแล้ว เพิ่งเปลี่ยนหมอใหม่ แกบอกให้กินต่ออีก 5 เดือน แล้วจะนัดมาอีกว่าจะได้กินปีนึงหรือตลอดไป เครียดหนักไปอีก เราก็อยากหาย แต่เบื่อกินยาโคตรๆ […]
Free Spirit Club
December 17, 2018แต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่จำความได้ ไม่มีเพื่อนคบ เพราะเป็นคนแปลกๆ ไม่เข้าพวก โดนหาว่าเป็นคนบ้า เป็นออทิสติก เป็นพวกไม่สมประกอบ อัปลักษณ์ เพื่อนก็ไม่คบแถมต้องมาถูกล้อเลียนโดยเพื่อนทั้งโรงเรียน ไปไหนมีแต่คนล้อ มีคนแกล้ง ถูกไถตังค์ด้วย เลยเก็บกดมากๆ เกลียดทุกคน อิจฉาทุกคน เหมือนแพ้แล้วพาล ช่วงนั้นตัวเองเหมือนส่วนเกินทุกอย่าง เป็นแกะดำ ถูกเปรียบเทียบกับคนข้างบ้าน ญาติ พี่น้อง เพื่อน เลยโมโห อาละวาด ก้าวร้าว ยิ่งอาละวาด ก็ยิ่งไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ฟ้องครูก็ไม่ได้ ครูไม่จัดการให้ ซ้ำโดนครูด่า นับวันโดนแกล้งหนักกว่าเดิม ไม่กล้าพูด หรือฟ้องครู หรือ พ่อแม่ เพราะพูดไปก็ถูกซ้ำเติม จนไม่ไว้ใจใครหน้าไหนเลย จนกลายเป็นเด็กมีปัญหา โดนแกล้ง และไม่มีใครสนใจ กลายแรงจูงใจส่วนหนี่งที่อยากหนีออกจากบ้าน วันนั้นอยากแต่งหน้ามาโรงเรียนช่วงกีฬาสี แต่งแล้วถูกสั่งให้ลบออก ตอนลบก็ระบายอารมณ์ด่าพวกอาจารย์ อาจารย์ดันได้ยิน แล้วสั่งให้เราต้องเอาดอกไม้ไปกราบมันที่ห้องปกครอง กราบไปร้องไห้ไป ทั้งๆที่ไม่ผิด […]
Free Spirit Club
December 17, 2018มันคือรอยแตกร้าวที่ไม่มีวันประสานกลับ ความุรนแรงที่เธอได้กระทำแก่ฉันมันคือการสร้างรอยแตกร้าวของจิตใจที่ไม่มีวันประสานกลับให้เป็นเหมือนเดิมได้ เธอฟาดฝ่ามือของเธอลงบนใบหน้าของฉัน ในหลายครั้งที่เรามีปากเสียง มีอารมณ์เกิดขึ้นและอยู่เหนือการควบคุมของเธอ หรือเป็นเพราะฉันเองที่ร้องไห้ไม่หยุด ส่วนมากฉันคงเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะฉันเป็นเจ้าแม่ร้องไห้ เธอลงมือทำมันกับฉันแม้ว่าฉันไม่ได้ลงมือเริ่มหรือโต้ตอบต่อความรุนแรงใดๆ ทุกครั้งที่ถูกตบหน้านอกจากความเจ็บปวดต่อร่างกายแล้ว มันเกิดความเจ็บปวดทางจิตใจทวีคูณ “เธอหวังให้ฉันหยุดร้องไห้ด้วยความรุนแรงอย่างนั้นหรือ” บางครั้ง…เธอกดฉันลงบนพื้นห้องด้วยมือทั้งสองข้าง ด้วยแขนอันแข็งแกร่งของเธอ แค่เพียงเพราะเธอต้องการให้ฉันหยุดร้องไห้ แต่มันกลับยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม เพราะความเจ็บ เจ็บที่กายและใจไปพร้อมๆกัน เธอกลับยิ่งเพิ่มแรงกดตัวของฉัน หัวของฉัน หน้าของฉันให้แนบแน่นไปกับพื้น แรงขึ้นและแรงขึ้น และแม้ฉันจะไม่ได้ตอบโต้ต่อความรุนแรงของเธอ ทว่ามันก็ไม่ได้ช่วยหยุดยั้งการกระทำนั้น ฉันทำได้เพียงแค่ใช้แรงทั้งหมดที่พอจะมีจับแขนของเธอไว้และกลั้นสะอื้นร้องไห้เพื่อให้เธอหยุด เพื่อให้เธอเห็นว่าฉันหยุดร้องไห้ แล้วเธอจะได้หยุดทำมันเสียที ! แน่ล่ะ กว่าฉันแกล้งหยุดร้องไห้ได้เพื่อให้ฉันรอดพ้น มันไม่ง่ายดายเลยสักครั้ง ฉันหลุดออกมาจากเธอ เพื่อร้องไห้อีกครั้งจากความหวาดกลัวและความรู้สึกเสียใจที่มีต่อเธอ ฉันเจ็บจนเป็นลม แต่เธอกลับกล่าวหาว่าฉัน ว่ามันคือการแสดงว่า นั่นเป็นความคิดลำดับแรกของเธอ ฉันถูกกระทำด้วยความรุนแรงจนหมดแรงแม้แต่จะร้องไห้ หรือจะปกป้องตัวฉันเอง ร้องไห้จนล้มพับ เหนื่อยอ่อน ปวดหัวอย่างรุนแรง “เธอหวังให้ฉันหยุดร้องไห้ด้วยความรุนแรงอย่างนั้นหรือ” เธอชกหน้าฉัน เพราะเราทะเลาะกัน มันทำให้ฉันร้องไห้ พอร้องไห้เธอก็คว้าตัวฉันไว้ในอ้อมแขนของเธอ แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้กอดฉันน่ะสิ เธอรัดฉันไว้ด้วยแขนอันแข็งแรงของเธออีกแล้ว ฉันเจ็บ ฉันเริ่มร้องไห้หนักขึ้น สัญชาตญาณมันทำให้ฉันพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขน […]
Free Spirit Club
December 17, 2018ในฐานะคนที่สามารถเปิดรับเรื่องราวของผู้อื่นได้ ผมมักลงเอยที่จะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด เพราะไม่ค่อยได้รับโอกาสให้คุยเรื่องที่ตัวเองสนใจ และคนส่วนมากไม่พร้อมที่จะรับฟังอะไรที่แตกต่างไปจากความคาดหวังของตนเอง การถูกละเลย มองข้ามความสำคัญ และการถูกเลือกปฏิบัติ จึงเป็นที่มาของความเศร้าที่ผมเผชิญอยู่บ่อยๆ ผมมักอยู่ในสถานะที่ปรึกษาที่พร้อมจะหยุดสิ่งที่ทำอยู่ เพื่อให้เวลาใครก็ตามที่โทรหรือติดต่อผม ผมอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาของผู้อื่นได้ทุกครั้ง แต่อย่างน้อยผมเต็มใจที่จะรับฟังปัญหาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผม เพื่อให้คนอีกคนหนึ่งรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและสบายใจขึ้น แต่ในวันที่ที่ปรึกษาคนนี้ต้องการใครสักคน เขากลับได้รับแต่คำตอบสั้นๆ แค่ว่า “แกคิดมาก” “อย่าคิดมากนะแก ตอนนี้ยุ่งอะ ไว้คุยกันนะ” โดยที่ไม่มีการติดต่อหรือสอบถามเพื่อให้ผมเล่าปัญหาของตัวเองอีก ในขณะที่คนอื่นคาดหวังที่จะมีใครสักคนได้ ผมกลับไม่ได้รับสิทธิตรงนั้น ในช่วงสมัยที่ผมเป็นนักเรียน การอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดี เราดูมีคุณค่ามากขึ้น เราไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ เพียงคนเดียว ผมมักได้เล่นบทบาทในฐานะ “ตัวประกอบ” ที่ยืนยิ้มอยู่ในฉากหลัง เพื่อหลบให้ “ตัวเอก” ได้รับความสนใจจากคนในกลุ่ม เพียงแค่เพราะว่าเขาป็อบหรือคูลมากที่สุด ความเอาใจใส่เพื่อนๆ การทุ่มเทให้กับมิตรภาพ ทำให้ผมเป็นได้มากสุดคือ “คนดี” แต่ไม่ใช่ “คนสำคัญ” ผมเคยเลือกที่ยอมฝืนเป็นคนอื่นเพื่อปรับตัวให้เข้ากับคนกลุ่มใหญ่ ยอมทำอะไรที่ขัดกับความรู้สึกตัวเองเพียงแค่หวังว่าตัวเองจะมีความสำคัญทัดเทียมคนอื่นๆ ยอมโดนเอาเปรียบหรือหลอกใช้ เพื่อแลกมิตรภาพ แต่ท้ายที่สุดผมก็เข้าใจว่า ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม ตัวประกอบก็ไม่มีวันเป็นตัวเอกได้อยู่ดี เมื่อเวลาผ่านไป จากคนที่กลัวที่จะทะเลาะกับคนอื่น […]
Free Spirit Club
December 17, 2018ความกลัวที่จะศูนย์เสียมันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากๆ ยิ่งเป็นเรื่องความรัก เหมือนเดินบนเส้นด้ายที่ถ้าตกลงไปก็จมอยู่กับความเศร้า และถ้าเค้าหันกลับมาประคองก็จะมีความสุขเหมือนลอยได้ แต่ถ้าเราหยุดและไม่เดินไปบนเส้นนั้นเลยจะดีกว่ามั้ย ? เมื่อกลางปีที่แล้วเราได้เลิกกับแฟนที่คบมาตั้งแต่ ม.ปลาย ตอนนั้นเราอยู่ปี 3 แล้ว ซึ่งเราทั้ง 2 คนก็ผ่านอะไรกันมาเยอะพอสมควร ยอมรับเลยว่ามันเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ล้วนๆ พอเวลาผ่านไปเราไม่รู้สึกอะไรเลย แต่อยู่ดีๆ เรากลับมาคิดถึงเค้า เหมือนโดนกดสวิตให้เสียใจ เราจมอยู่อย่างงั้นไป 2 อาทิตย์ สุดท้ายเราก็พยายามติดต่อเค้าไปพยายามง้อ เหมือนบาปกรรมมันตามทันนะคะ เค้าแทบจะไม่สนใจเรา เค้านิ่งอย่างที่เราคิดไม่ถึง คงเป็นเพราะเค้าเจ็บช้ำจากเราอยู่ไม่น้อย วันๆ นึงเรามีหลายอารมณ์ เค้าตอบดีเราก็แฮปปี้ เค้าตอบมาสั้นๆ เราก็เศร้าจนไม่อยากทำอะไร มันสวิงอย่างงี้เป็นเดือน ความกลัวที่จะศูนย์เสีย ความกลัวที่จะหยุด ในตอนที่เค้ากลับมารู้สึกดีกับเรา ความกลัวที่จะอยู่ไม่ไหว ยอมรับค่ะว่าแทบเป็นบ้า เคยคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะมันจะได้จบๆ ถ้าเรื่องลึกลับมีจริง ตอนนั้นก็คิดเลยว่าจะได้ติดตามเค้าไปทุกๆ ที่ เราทั้งโทรไปหาศูนย์สุขภาพจิต คุยกับทุนคน มันอาจจะเบาลงบ้างแต่พอกลับมาอยู่คนเดียว เราเศร้า เราไม่อยากศูนย์เสียเค้าไป […]
Free Spirit Club
December 17, 2018ชีวิตเราเปลี่ยนไปหมด ตั้งแต่แม่เสีย พี่สาวแต่งงาน ทะเลาะกับเพื่อน ย้ายบ้าน โดยที่ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วง 1 เดือน ตอนแรกก็งง ปรับตัวพักใหญ่ พอทุกอย่างสงบปุ๊บ เหงาเฉย เหงาหนักมาก รู้สึกเคว้ง วังเวง จนซึมไปเลย หลังจากนั้นสักพัก จู่ๆ เราก็อยากทำนู่นนี่เต็มไปหมด เหมือนตัวเองโหยหาอะไรบางอย่าง เลยลุกมาทำนู่นทำนี่ แอคทีฟไปเลย เราเลยทำกิจกรรมเต็มไปหมด ตอนนั้นคิดว่าเพราะตัวเองอยากทำ แต่พอมองมาอีกที กลายเป็นว่าเพราะเราเหงานี่หว่า พอย้อนกลับไปมอง เราว่าเราในตอนนั้นแปลกมากๆ เราเป็นคนแปลกๆ ในช่วงนั้น เลยทำให้เราทำนู่นนี่ที่เราปกติจะไม่ทำ สิ่งที่เราทำในตอนนั้นที่ทำเพราะเหงา มันกลับเข้ามาเปลี่ยนชีวิตเรา เราทำสิ่งที่เราตอนนี้ไม่เข้าใจว่าทำไปได้ยังไง ถ้าเป็นเราในตอนนี้คงจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ ตอนที่เราเหงาตอนนั้น เราคุยกับคนที่เป็นหัวหน้างานของเราในปัจจุบัน ทั้งๆ ที่ปกติเราไม่แชทเลย ไม่คุยกับเพศตรงข้ามด้วยซ้ำ ยิ่งไม่รู้จักนี่ยิ่งไม่คุยเลย แต่ตอนนั้นเราดันคุย กลายเป็นคนเฟรนลี่ทั้งๆ ที่ปกติไม่ชอบสุงสิงกับใคร ทำให้เขารู้จักเราแบบที่เป็นเราจริงๆ เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาเลยเห็นความคิดของเราไปซะทุกอย่าง (เราเหงาด้วย เลยเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง […]
Free Spirit Club
December 17, 2018เคยรู้สึกว่าที่บางที่มันไม่เหมาะให้คนแบบเราอยู่ไหมคะ? รู้สึกแปลกแยกทุกครั้งที่อยู่บ้าน ทั้งที่มันคือบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก แต่กลับสบายใจเมื่อตอนตัดสินใจเดินออกมาเผชิญโลกกว้าง รู้สึกว่าข้างนอกมันทำให้เราเป็นตัวเองมากขึ้น ไม่รู้จักใคร ไม่มีใครรู้จักเรา ไม่ต้องแคร์สายตาคนอื่นมอง ไม่มีคำนินทาว่าร้าย เราเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนเลยค่ะ เพื่อนสนิทจริงๆก็อยู่ห่างกัน เวลาอยู่บ้านก็ชอบเก็บตัว อ่านหนังสือ ดูทีวี ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายด้วย และจะหงุดหงิดทุกครั้งที่ต้องพูดคุยกับผู้คน บ้านเราเป็นร้านขายของ แต่เราไม่ชอบพูด มากสุดก็แค่ยิ้ม เราอยากมีพื้นที่ที่สงบๆส่วนตัว แต่ที่บ้านไม่ใช่… มันเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครม ผู้คนโห่ร้องคุยกันเสียงดัง พูดจานินทาคนนั้นทีคนโน้นที เราเกลียดการนินทา เกลียดคนพูดคำหยาบๆ แม้กระทั่งคนที่บ้านนินทากันเองเรายังไม่ชอบ มีครั้งหนึ่งที่เราเผลอทำกิริยาไม่ดีออกไป เหวี่ยงใส่คนที่มานั่งคุยที่บ้าน เรารู้ว่ามันไม่ดี ตอนนั้นห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย เดินเข้าไปในห้อง ร้องไห้คนเดียว มันเสียใจมาก คิดกลัวว่าคนคนนั้นเขาจะเกลียดเราไหม กลัวว่าเขาจะมองเราเป็นคนไม่ดี ทั้งที่ในสายตาของใครหลายๆคน มองว่าเราเรียบร้อย น่ารัก วันนั้นทั้งวันอยู่ในอาการซึมตลอดเวลา แม่โทรมาหา…จนได้เปิดใจคุยกัน เราไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่อยากอยู่ที่บ้าน มันเหงา มันเคว้ง มันอึดอัด มันไม่เป็นตัวของตัวเอง แม่บอกว่าแม่เข้าใจ แต่ให้เราปรับตัว เพราะเราก็ต้องใช้ชีวิตในสังคม […]
Free Spirit Club
December 17, 2018หนูเป็นเด็กที่ไม่อยากโตค่ะ เป็นเด็กที่ไม่ค่อยยุ่งกับใคร มักมีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับตัวเอง หลายๆครั้งหนูชอบมองคนที่เดินผ่านไปมา ทั้งเพื่อน พ่อ แม่ หรือว่าผู้ใหญ่วัยทำงานหลายๆคน ตัวหนูเป็นเเบบนี้มาตั้งแต่ช่วง ม.3 ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ช่วง ม.ปลาย มันเป็นครั้งแรกที่ทำให้มีความรู้สึกที่กลัวการเติบโต รู้สึกว่าข้างหน้ามันต้องมีอะไรที่เราทำไม่ได้ อีกไม่นานเราต้องเริ่มเป็นเหมือนพี่ ม.ปลาย บางคนที่นั่งเครียดอ่านหนังสือ เหมือนพี่ ม.ปลาย บางคนที่ชีวิตดี แต่ต้องแลกมาด้วยความพยายามที่สูงมากๆ หลายๆครั้ง หนูมองว่าเรื่องพวกนี้มันน่ากลัว หนูอยากเป็นเด็กที่มีคนคอยหัวเราะเล่น เป็นเด็กที่ไม่ต้องทำอะไรเลยทั้งสิ้น ทำแค่ในสิ่งที่ตัวเองชอบไปก็พอแล้ว จนเมื่อขึ้นม.ปลาย สิ่งที่หนูกลัวก็เป็นจริงๆ หนูต้องอ่านหนังสือ หนูต้องตั้งใจ ต้องพยายาม ต้องทุ่มเวลาอีก 3 ปี เพื่ออนาคตข้างหน้าซึ่งเป็นรั้วมหาลัยที่เราต้องเข้าไปเรียน และพอเราจบมหาลัย ก็จะเป็นสถานีต่อไปที่เราไม่อยากไปถึงที่สุด คือการเป็นผู้ใหญ่เเละทำงาน ตอนนี้มีแต่ความคิดว่า นี่เราใกล้จะเป็นผู้ใหญ่เเล้วหรอ เราใกล้จะต้องเป็นเหมือนคนพวกนั้นแล้วสินะ เรากำลังจะต้องนำชีวิตทีเหลือจากนี้ มาเผชิญกับการเติบโตที่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเป็นยังไง หลายๆครั้งที่มีญาติหรือครูบอกหนูว่า “เธอโตแล้วนะ” มันทำให้หนูอยากหันไปบอกว่า “หนูยังเป็นเด็กค่ะ” บางที นอกจากหนูจะอยากเป็นเด็กอยู่ หนูอาจจะกลัวอนาคตด้วยก็ได้มั้ง
Free Spirit Club
December 17, 2018การที่เรามองว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี แต่วันหนึ่งสิ่งที่คิดมันไม่จริงขึ้นมาคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน จะต้องรู้สึกอย่างไรดีถ้าคนที่เรายกให้เขาเป็นเพื่อน เขาไม่เคยมองเราเป็นเพื่อนเลย จะต้องทำหน้าอย่างไร ถ้ารู้ว่าเขาพูดถึงเราด้วยท่าทางและสีหน้า ที่บ่งบอกถึงความรังเกียจและไม่ชอบเรา ในตอนที่เราไม่รู้ จะต้องทำตัวอย่างไรถ้าตอนที่เรายิ้มให้เขา แล้วเขาก็ยิ้มกลับมาแบบไม่มีอะไร ทั้งที่จริงๆก่อนหน้านั้นเขาพูดจาทำร้ายจิตใจเรามาก่อน เรื่องมันก็ตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว สมัยนั้นมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ เพื่อนน่ารักคุยกันได้ สนิทกันช่วยเหลือกัน แต่พอนานๆเข้า มันกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น การมีตัวตนอยู่ในกลุ่มกลับไม่เคยมีความสุขและอึดอัด เหงา เศร้า แต่นั่นยังไม่ร้ายแรงเท่ากับการที่นั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน แล้วได้ยินทุกอย่างที่เขาพูดถึงเรา ด่าว่าเรา พูดจาทำร้ายจิตใจ โดยที่พวกเขาคงไม่คิดว่าเราจะรับรู้ เพียงเพราะเราใส่ “หูฟัง” อาจจะเป็นความโชคดีในความโชคร้ายก็ได้ พอรู้แบบนั้น การถอยห่างออกมากลับทำให้อะไรชัดเจนมากขึ้น พวกเขาเปิดเผยในการที่ไม่ชอบเรา และทำให้เราเลือกเดินออกมา การเดินออกมาช่วยชีวิตเราได้เยอะมาก แม้จะถูกต่อว่าจากคนที่เคยเรียกว่าเพื่อน แต่การได้เดินออกมา ทำให้ได้เจอคนที่เขาทำให้เราไม่รู้สึกอึดอัดกับการอยู่ในกลุ่ม คนที่มองว่าเราเป็นเพื่อน ขอบคุณประสบการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกเข้มแข็ง และการผ่านเรื่องแย่ๆมาได้ มันบอกตัวเราเองเสมอว่า “เธอเก่ง”